ไฟแนนเชียลไทม์ส สื่อเก่าแก่ด้านธุรกิจของอังกฤษ ตีข่าวคนรวยไทยประกาศแบนสินค้าจากอียู
เพื่อตอบโต้ที่อียูมีมติลดระดับความสัมพันธ์กับไทยลง
ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานในเว็บไซต์ของตัวเองเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2557 ว่า คนรวยไทยที่สนับสนุน
การยึดอำนาจของทหาร ได้ประกาศแบนการซื้อและใช้สอยสินค้าจากยุโรป ไม่ว่าจะเป็นรถ ไวน์ และสินค้า
แบรนด์เนมอื่น ๆ เกิดเป็นกระแสต่อต้านสินค้าจากอียูอย่างครึกโครมในโลกโซเชียลมีเดียในช่วงสัปดาห์
ที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีที่ทางสหภาพยุโรปหรืออียู มีมติลดระดับความสัมพันธ์กับไทยลง เนื่องจากไม่เห็นด้วย
ต่อการขึ้นมามีอำนาจของทหาร อีกทั้งโรดแมปในการดำเนินงานไปสู่การจัดให้มีรัฐบาลที่มา
จากการเลือกตั้งก็ยังไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ
แหล่งข่าวยังรายงานอีกว่า กระแสในโลกโซเชียลยังมีทั้งกลุ่มที่สนับสนุนการแบนและกลุ่มที่เหน็บแนม
โดยมีกลุ่มคนรวยผู้อ้างว่ามีความภาคภูมิในชาติต่างรู้สึกผิดหวังกับมติที่อียูมีในครั้งนี้
แต่พบว่าบางคนก็มีความสัมพันธ์ในบางด้านกับยุโรป
หนึ่งในนั้นคือนายเจริญ วัฒนสิน อดีตแชมป์แบดมินตันของไทย ซึ่งเคยศึกษาอยู่ที่เมืองลิเวอร์พูล
และให้คำจำกัดความว่า ประเทศอังกฤษเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง แสดงความเห็นว่า
“ครอบครัวผมรักยุโรป การประกาศแบบนี้ของอียูจึงทำให้รู้สึกช็อก เหมือนกับว่าลูกโดนพ่อแม่จับตีก้น”
ด้านอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย นายอานันท์ ปันยารชุน ยังเผยว่า อยากให้ไทยปิดประเทศเป็น
การชั่วคราวเพื่อการปฏิรูป ส่วนนางสาลินี ปันยารชุน ผู้เป็นหลานสาวก็ประกาศแบนสินค้าอียู
โดยจะเลิกดื่มไวน์โปรเซคโคและดอม เพดริยอง แล้วหันไปดื่มไวน์จากแหล่งอื่นแทน
ซึ่งแหล่งข่าวยังระบุว่าคำพูดของเธอว่า “หทารไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นเพื่อนของเรา” ด้วย
อย่างไรก็ดี แม้จะมีการแบนสินค้าอียูจากบรรดาคนรวย แต่ผู้วิจารณ์บางรายก็ชี้ให้เห็นว่า ลูกสาว
ของนายเจริญยังทำงานให้กับแบรนด์หรูยุโรปอย่างชาแนล ส่วนลูกชายของเขาสองคนก็ขับรถปอร์เช่
โดยหนึ่งในนั้นยังเพิ่งซื้อรถยนต์บีเอ็มดับบลิวให้เป็นของขวัญกับลูกสาวด้วย ส่วนทางนางสาลินีก้ได้พูด
ไว้ว่า เธอจะนำเข้าสินค้าด้านความงามจากสหรัฐฯ อยู่ดังเดิม แม้ว่าที่ผ่านมาไทยเพิ่งจะถูกวอชิงตันโจมตี
เรื่องการรัฐประหารและได้ดำเนินมาตรการตอบโต้แล้วก็ตาม
ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีกลุ่มผู้สนับสนุนการยึดอำนาจของทหาร แสดงความวิตกกังวลว่า การที่ไทยแบน
สินค้าจากอียูจะเป็นการทำร้ายตัวเอง เพราะไทยกำลังอยู่ในช่วงพยายามฟื้นตัวจากพิษเศรษฐกิจ
และยังพยามยามดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศ โดยธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ
ผู้นำเข้าสินค้าแบรนด์เนมจากชาติสมาชิกอียูนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ไฟแนนเชียลไทมส์ได้ทิ้งท้ายข่าวของตนด้วยข้อความจากนายเจริญ วัฒนสิน ว่า การที่เขา
เรียกร้องให้คนหยุดซื้อรถยุโรปและงดเดินทางไปเที่ยวยุโรป ไม่ได้เจตนาให้ทำกันจริงจังเกินไป
“มันก็แค่ข้อความระบายความรู้สึกออกมาเท่านั้น เป็นความรู้สึกผิดหวัง ไม่ใช่เกลียดชัง”