รอยเตอร์ส สื่อชื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า เดอะ ไฟแนนเชียล ไทม์ส หนังสือพิมพ์ของแดนผู้ดี ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังพูดถึงสถาณการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่สหรัฐฯ จะร่วมหารือกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ที่รีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก รัฐฟลอริด้า ในวันที่ 6-7 เมษายนนี้
ทรัมป์ กล่าวว่า จีน เป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อเกาหลีเหนืออย่างมาก ซึ่งรัฐบาลปักกิ่ง ต้องตัดสินใจว่า จะช่วยสหรัฐฯหรือไม่ โดยผู้นำสหรัฐเชื่อว่า ถ้า จีน ตอบรับ จะเป็นผลดีแก่ทุกฝ่าย แต่ถ้าปฏิเสธ จะไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน อาจเป็นแรงผลักดันให้รัฐบาลวอชิงตัน จัดการกับโสมแดงด้วยวิธีของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องรอดูท่าทีของจีน อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า จะไม่ใช้มาตราการทางเศรษฐกิจ และการค้าเป็นเครื่องมือต่อรอง เพื่อให้ได้รับความร่วมมือจากจีน ขณะเดียวกัน เขาเตรียมจะหารือกับผู้นำจีน ประเด็นข้อพิพาทเรื่องทะเลจีนใต้อีกด้วย
ด้าน นิกกี้ เฮลี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้สัมภาษณ์กับ เอบีซี สื่อชื่อดังว่า จีน เป็นประเทศเดียวในโลก ที่จะหยุดความทะเยอทะยานเรื่องนิวเคียร์ของ เกาหลีเหนือได้ ซึ่งเธอได้เสนอ ทรัมป์ เพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลปักกิ่ง ในเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายราย มองว่า การพบกันครั้งแรก ระหว่าง ทรัมป์ กับ ผู้นำจีน ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ น่าจะเป็นการหยั่งเชิง เพื่อดูท่าทีของแต่ละฝ่ายในอนาคตมากกว่า แต่จุดยืนของจีน ในเรื่องเกาหลีเหนือ เป็นเรื่องที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นระยสั้น หรือ ยาว ขณะที่ ผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับว่า การพบ สี จิ้นผิง เป็นงานยาก เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ มีจุดยืนต่างกัน ทั้งเรื่องของความมั่นคง และเศรษฐกิจ