สื่อต่างประเทศ รายงานว่า จากเหตุการณ์มือปืนของกลุ่มไอเอส ที่กราดยิงตำรวจเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และนักท่องเที่ยวหญิงอีกราย ที่ได้รับบาดเจ็บ บริเวณย่านฌ็องเซลิเซ่ ใจกลางกรุงปารีส เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ถูกจุดประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงในฝรั่งเศส อีกครั้ง หลังมีแนวโน้มสูงเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะมีการลงคะแนนรอบแรกในวันที่ 23 เม.ย. นี้
เอ็มมานูเอล มากร็อง อดีตรมว.กระทรวงเศรษฐกิจ ซึ่งมีแนวคิดสายกลาง และลงสมัครในนามอิสระ กล่าวว่า การป้องกันการเกิดเหตุร้ายในอนาคต ด้วยการยกระดับมาตรการควบคุมพรมแดนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสถานการณ์ด้านความมั่นคงยากที่ลดความเสี่ยงให้เหลือศูนย์ได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งถือเป็นการใช้คำพูดโดยปราศจากความรับผิดชอบของมากร็อง ผู้สมัครที่หลายฝ่ายยกให้เป็นเต็งหนึ่ง เป็นการโจมตีแนวนโยบายของคู่แข่งคนสำคัญ คือ มารีน เลอ แปน หัวหน้าพรรค และตัวแทนผู้สมัครของพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (เอฟเอ็น) ซึ่งให้คำมั่นตลอดแคมเปญหาเสียง ว่าหากได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของฝรั่งเศส เธอจะยกระดับการป้องกันพรมแดนให้เข้มงวดถึงขีดสุด เพื่อเอาชนะกลุ่มก่อการร้าย
ทั้งนี้ มากร็อง และเลอ แปน ได้รับการคาดหมายจากทุกฝ่ายว่า จะเป็นผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสนับสนุนมากที่สุด 2 คนแรก เพื่อเข้าไปแข่งขันในรอบตัดสินที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. นี้ โดยค่าเฉลี่ยของผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในสัปดาห์นี้ให้คะแนนนิยมของมากร็องที่ 24.5% และ 23% สำหรับ เลอ แปน แต่เป็นที่น่าจับตาว่า คะแนนนิยมของมากร็องลดลง 0.5% แต่ของเลอ แปน เพิ่มขึ้น 1% หลังเหตุก่อการร้ายที่ ฌ็องเซลิเซ่
ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้นำฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก ด้วยการเชื่อมโยงทั้งสองประเด็นเข้าด้วยกัน ว่า อาจเป็นตัวช่วย ให้เลอ แปน ได้รับการเลือกตั้ง เพราะเธอมีแนวนโยบายด้านความมั่นคง โดดเด่นที่สุด แต่ออกตัวว่าไม่ได้หมายความว่าเขาสนับสนุน เลอ แปน ซึ่งมีแนวคิดขวาจัดเหมือนกัน