ขานรับกระแส Green Mobility เต็มสูบ สถาบันยานยนต์เร่งเสริมเครื่องมือเทคโนโลยีเต็มรูปแบบดันไทยสู่ฐานการผลิตและวิจัยยานยนต์พลังงานยั่งยืนแห่งอาเซียน
ผนึก รี้ด เทรดเด็กซ์ จัดงาน ออโตโมทีฟ ซัมมิท 2014 ร่วมระดมสมองกับกูรูยานยนต์ทั่วโลกเตรียมพร้อมรับมือ
การเปลี่ยนแปลงระหว่างวันที่ 19 – 20 มิถุนายน นี้ ณ ไบเทค บางนา
นายวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์เปิดเผยถึงแนวโน้มของยานยนต์พลังงานยั่งยืนและเป็นมิตร
กับสิ่งแวดล้อมว่า กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมในอนาคตอันใกล้นี้
เนื่องจากแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงในธรรมชาติมีปริมาณลดน้อยลงไปทุกที ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ จึงต้องมองหาพลังงานทางเลือกเข้ามาทดแทน ในส่วนของประเทศไทย
ได้มีการกำหนดแผนแม่บทอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2555-2559 โดยมีวิสัยทัศน์ให้ประเทศไทยเป็นฐาน
การผลิตยานยนต์ของโลกด้วยห่วงโซ่อุปทานที่สร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“ในปัจจุบันไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 9 ของโลก มียอดการผลิตอยู่ที่ 2.45 ล้านคันในปี 2546
โดยมียอดขายอันดับ 13 ของโลก ขณะที่ในกลุ่มอาเซียน มาเลเซียและอินโดนีเซียมีการเติบโต
ของอุตสาหกรรมรถยนต์สูงขึ้น แต่โดยภาพรวมแล้ว เชื่อว่าไทยยังมีศักยภาพที่ดีกว่า เนื่องจากมีปัจจัย
พื้นฐานที่ดี และเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เพราะมีทำเลที่ได้เปรียบประเทศอื่นๆ รวมถึงนโยบายส่งเสริม
การผลิตรถยนต์อีโคคาร์เฟส 2 ซึ่งผมมั่นใจว่าจะเป็นนโยบายต่อเนื่องในทุกรัฐบาล และจะเป็นแรงผลักดัน
ให้เราก้าวกระโดดสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก”
สำหรับตลาดส่งออกโดยรวมเปรียบเทียบระหว่างปี 2555 กับ 2556 เพิ่มขึ้นมา 5% แบ่งเป็น รถยนต์เพิ่มขึ้น
4% จักรยานยนต์ เพิ่มขึ้น 22% ชิ้นส่วนรถยนต์ 4% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%
จากปี 2555 นั่นคือยอดสรุปทั้งปี แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่างไตรมาสแรกของปี 2556 และ 2557
จะเห็นได้ว่าการส่งออกโดยรวมในไตรมาสของปี 2557 เพิ่มขึ้นถึง 13% ด้วยกัน
ในการผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตและวิจัยยานยนต์พลังงานยั่งยืนแห่งอาเซียน
นายวิชัยกล่าวว่า ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ที่ผ่านมาสถาบัน
ยานยนต์และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้จัดหาเทคโนโลยีและเครื่องมือตรวจ
สอบมาตรฐานยานยนต์ 19 รายการ ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 8 รายการ ยังเหลืออีก 11 รายการที่ต้องเร่ง
ดำเนินการให้แล้วเสร็จและครอบคลุมภายในปี 2559-2560และยังต้องใช้งบประมาณอีกอย่างน้อย
3,000 ล้านบาท หากเครื่องมือและเทคโนโลยีตรงนี้มีความสมบูรณ์พร้อม จะมีส่วนช่วยอย่างมาก
ต่อการลงทุนสร้างสนามทดสอบ พรูฟวิ่งกราวนด์ และ แคร็ซ เทสต์ เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทย
ยังไม่มีสนามทดสอบและศูนย์ทดสอบอย่างเต็มรูปแบบ
และนับเป็นแรงผลักสำคัญที่จะมาสานต่อความความสำเร็จให้กับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงาน
ที่ยั่งยืนเพราะตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์
ทั้งระบบโดยจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงาน
อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และสร้างความเป็นธรรม
ในการจัดเก็บภาษีรถยนต์และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนา
เทคโนโลยียานยนต์ของโลก ตรงนี้นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เร่งให้อุตสาหกรรมยานยนต์
ต้องเร่งแจ้งเกิดGreen Mobility
ในส่วนของการจัด“งานออโตโมทีฟ ซัมมิท 2014” สถาบันยานยนต์ ได้ร่วมกับรี้ด เทรดเด็กซ์
จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “เปลี่ยนโลกทั้งใบ….ด้วยการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน”
หรือGreen Mobility Changing the World ภายใต้แนวคิดที่ทั่วโลกหันมาสนใจพลังงานสีเขียว
พลังงานที่ยั่งยืน ยานยนต์สีเขียว เทคโนโลยีสะอาด โดยเชิญวิทยากรระดับแนวหน้าในธุรกิจยานยนต์
และที่เกี่ยวข้อง ทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชียตัวแทนจากค่ายต่างๆ อาทิ เมอร์ซีเดส เบนซ์, โตโยต้า,
ฟอร์ด, มาสด้า วอลโว่และฮอนด้า เป็นต้นมาแสดงวิสัยทัศน์ ความต้องการด้านการผลิตสำหรับโมเดล
รถยนต์ในอนาคต รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านต่างๆเพื่อผลักดันให้เกิดการต่อยอด
ในการพัฒนาศักยภาพยานยนต์ของไทยต่อไป
นายสุทธิศักดิ์ วิลานันท์ ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์จำกัดกล่าวว่า จากกระแสของ
เทคโนโลยีสะอาดที่จะเข้ามาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์โลกในอนาคต ซึ่งผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
ต่างมีการวางแผนในการจัดซื้อเครื่องจักร และเทคโนโลยี เพื่อรองรับการผลิตยานยนต์สีเขียว
โดยในช่วงไตรมาสแรกปี 2557 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการนำเข้าเครื่องจักร เพื่อการผลิตในอุตสาหกรรม
ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ทั้งสิ้น 26.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ร้อยละ 3.01
ซึ่งเรามั่นใจว่ายอดคำสั่ง ซื้อ – ขาย เพื่อรองรับการผลิต Eco Car จะเพิ่มขึ้น และเห็นได้ชัดเจน
ภายใน 6 เดือน หลังงานแมนูเฟกเจอริ่ง เอ็กซ์โป2014 มหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยี
เพื่ออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งคัน ระหว่างวันที่ 19 -22 มิถุนายนนี้ ณ ไบเทค บางนา
“สำหรับแนวโน้มในอนาคต เราอาจจะเห็นรถยนต์ใช้พลังงานธรรมชาติน้อยลง โดยผู้ผลิตจะหันมา
ผลิตรถยนต์พลังงานทดแทนหรือพลังงานที่สามารถผลิตได้เองมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไปในทิศทาง
ที่สอดคล้องกันทั่วโลก ขณะเดียวกันการจัดงานแสดงเอ็กซ์ฮิบิชั่นนับว่ามีส่วนสำคัญยิ่งในการนำเสนอ
เครื่องจักร และเทคโนโลยีล่าสุด รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง
และความต้องการของอุตสาหกรรมการผลิต และในงานแมนูแฟกเจอริ่ง เอ็กซ์โป 2014ก็ได้มีจัดแสดง
เครื่องจักรใหม่ที่นำมาปรับกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับการปรับตัวของ
โครงการอีโคคาร์ เฟส2”
ระหว่างวันที่ 19-20 มิถุนายน 2557บริษัทฯ ร่วมกับ สถาบันยานยนต์ จัดสัมมนา
Automotive Summit 2014 หนึ่งในไฮไลท์สัมมนางานแมนูแฟกเจอริ่ง เอ็กซ์โป ณ ศูนย์นิทรรศการ
และการประชุมนานาชาติ ไบเทค บางนา โดยไฮไลต์สัมมนา ต้องการแสดงให้เห็นศักยภาพ
ของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ การพัฒนา และการวิจัยในอาเซียน
การเป็น Automotive Supplier ระดับโลก วิสัยทัศน์ความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ในอนาคต
ของค่ายรถยนต์ระดับโลก พลังงานในอนาคต พลังงานทางเลือก เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงเป็นต้น