สำนักข่าวจาการ์ตา โกลบ รายงานเมื่อไม่กี่วันมานี้ ว่า ตำรวจหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของอินโดนีเซีย (Detachment 88) ได้จับกุมชาวต่างชาติถือหนังสือเดินทางปลอมของตุรกี ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้าย 4 คน พร้อมชาวอินโดนีเซียต้องสงสัยเป็นเครือข่ายกลุ่มซานโตโซ (Santoso Group) อีก 3 คน ในเขตโปโส จังหวัดสุลาเวสีกลาง จากนั้นได้ควบคุมตัวทั้งหมดเข้ากระบวนการซักถามที่สำนักงานใหญ่หน่วยเคลื่อน ที่เร็ว (Brimob) ในเขตเดป็อก จังหวัดชวาตะวันตก

ต่อมา พล.ต.อ.สุทาร์มาน ผู้บัญชาการตำรวจของอินโดนีเซีย แถลงว่า ผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติทั้ง 4 คน พูดภาษาอุยกูร์ หรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ของประเทศจีน ลักลอบเข้าไทยผ่านกัมพูชา จากนั้นใช้หนังสือเดินทางปลอมของตุรกี ซึ่งจัดหาในไทยเล่มละ 1,000 ดอลลาร์ เพื่อเดินทางเข้ามาเลเซีย ก่อนโดยสารเครื่องบินไปลงที่บันดุง ประเทศอินโดนีเซีย

สำหรับชื่อตามหนังสือเดินทางของผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คน ได้แก่ นาย Abdul Basyit อายุ 19 ปี นาย Ahmed Bozoghlan อายุ 28 ปี นาย Atlinci Bayram อายุ 19 ปี และ นาย Alphin Zubaidan อายุ 27 ปี ขณะที่ผู้ต้องสงสัยชาวอินโดนีเซียที่ถูกจับกุม 3 คน ได้แก่ นายไซฟุล เปรียตนา อายุ 29 ปี ข้อหาให้ที่พักแก่ผู้ลี้ภัย นายมูฮัมหมัด ไอร์ฟาน อายุ 21 ปี และนายยูดิต จันดรา อายุ 28 ปี ข้อหาให้ความช่วยเหลือในการเดินทางแก่ผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติ…ช่วงเวลา ใกล้เคียงกัน มีรายงานว่า ทางการสิงคโปร์ส่งกลับผู้ต้องสงสัยชาวอุยกูร์ที่เดินทางไปจากประเทศไทย และถือหนังสือเดินทางปลอมเช่นกัน

อินโดฯผวาโยงไอเอส? มีรายงานด้วยว่า ทางการอินโดนีเซียตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คน อาจเชื่อมโยงหรือมีความต้องการเดินทางต่อไปยังตะวันออกกลาง เพื่อร่วมรบกับกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส หรือไอซิส ที่กำลังทำสงครามยึดครองพื้นที่บางส่วนในอิรักและซีเรียเพื่อตั้งรัฐอิสลาม เหมือนที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต…ชาติตะวันตกมองว่า เหล่านักรบไอเอสกำลังเป็นภัยคุกคามใหม่ของโลก

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นความเชื่อมโยงระหว่างผู้ต้องสงสัย 4 คน ที่ถูกจับกุมได้ที่อินโดนีเซียกับกลุ่มไอเอส เพราะมีข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า ชาวอุยกูร์ที่ลักลอบเข้าไทยเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศที่สามนั้น ส่วนใหญ่เป็นพวกมีฐานะ มีคนตุรกีคอยอำนวยความสะดวก จัดหาพาสปอร์ตให้เพื่อเดินทางไปตุรกี เนื่องจากต้องการหนีแรงกดดันจากการอาศัยอยู่ในประเทศจีน ซึ่งระยะหลังทางการจีนกดดันชนกลุ่มน้อยอุยกูร์อย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อมีการกระทำในลักษณะก่อการร้ายหลายครั้งชนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ในเขตปกครองตนเองซินเจียง และมีแนวคิดแยกตัวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน

ต้องสงสัยอุยกูร์ที่สงขลายังอยู่? อนึ่ง เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2557 มีการพบชาวมุสลิมไร้สัญชาติจำนวน 229 คน อยู่ในป่ายางพาราท้องที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ทั้งหมดอ้างตัวว่าเป็นชาวตุรกีหลบหนีเข้าเมือง แต่ทางการจีนยืนยันว่าเป็นชาวอุยกูร์ที่ลักลอบเข้าไทยเพื่อเดินทางต่อไปยัง ประเทศที่สาม จึงมีการพิสูจน์สัญชาติกัน โดยเจ้าหน้าที่ตุรกีและเจ้าหน้าที่จากจีน ทว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก

พล.ต.ต.ดร.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 (ผบก.ตม.6) จ.สงขลา กล่าวว่า กรณีชาวมุสลิมไร้สัญชาติที่อ้างตัวว่าเป็นชาวตุรกีหลบหนีเข้าเมืองนั้น ขณะนี้ยังคงอยู่ในความดูแลของ ตม.เหมือนเดิม ยังไม่สามารถดำเนินการผลักดันกลับประเทศได้ เพราะยังอยู่ระหว่างการดำเนินการพิสูจน์สัญชาติแท้จริง “ทางเรายังต้องรอคำตอบจากกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ร่วมดำเนินการพิสูจน์สัญชาติของชาวมุสลิมไร้สัญชาติทั้ง หมด เพื่อจะได้ดำเนินการผลักดันกลับไป แต่ขณะนี้ยังไม่มีคำตอบจากทางกระทรวงการต่างประเทศเลย ทาง ตม.6 เรามีหน้าที่ควบคุมไว้ก่อนเท่านั้น”

ส่วนข่าวการจับกุมมุสลิมอุยกูร์ต้องสงสัยก่อการร้าย 4 คน ที่อินโดนีเซีย โดยข่าวระบุว่า ใช้หนังสือเดินทางปลอมที่จัดหาในประเทศไทยนั้น ผบก.ตม.6 กล่าวว่า ยังไม่ทราบข่าวหรือได้รับการประสานขอความช่วยเหลือให้ตรวจสอบว่ามีการผ่าน เข้าออกในพื้นที่รับผิดชอบแต่อย่างใด ขณะที่เรื่องขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทางในพื้นที่ภาคใต้ก็ยังไม่เคยพบ หรือจับกุมได้ว่ามีฐานการผลิตหรือปลอมแปลงหนังสือเดินทางอยู่ในพื้นที่ ส่วนมากที่พบและจับกุมได้จะเป็นการนำหนังสือเดินทางปลอมมาใช้มากกว่า ซึ่งเป็นหนังสือเดินทางที่มีกระบวนการผลิตอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ถูกนำมาใช้หรือซื้อขายกันในพื้นที่ประเทศไทย

@วงถก “ข่าวกรองอาเซียน” เครียด! แม้จะยังไม่มีการยืนยันหลักฐานความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มอุยกูร์ หรือโรฮิงญา ที่พบปัญหาเดินทางลักลอบเข้าประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับกลุ่มไอเอส ทว่าประเด็นนักรบรัฐอิสลามก็เป็นหัวข้อสำคัญที่ทุกประเทศในแถบนี้ให้ความ สนใจอย่างยิ่ง…ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการประชุมหน่วยข่าวกรองอาเซียนที่ประเทศฟิลิปปินส์ ปรากฏว่าผู้แทนจากหน่วยข่าวกรองชาติต่างๆ แสดงความกังวลสถานการณ์การแพร่แนวคิดของไอเอสสูงมาก โดยเฉพาะอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์นิวส์ สเตรทไทม์ ของมาเลเซีย รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2557 ว่า อดีตสมาชิกพรรคปาส (PAS) ซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านของมาเลเซีย ที่รัฐเกดะห์ ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนติดกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เข้าร่วมรบกับกลุ่มไอเอสในซีเรีย และเสียชีวิตลงเมื่อวันเสาร์ที่ 13 กันยายน เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากปฏิบัติการโจมตีเมื่อวันอังคารที่ 9 กันยายน…อย่างไรก็ดี พรรคปาสได้ถอนสมาชิกภาพของอดีตสมาชิกรายนี้ หลังรับทราบว่า ได้เข้าร่วมรบกับกองกำลังติดอาวุธในซีเรีย

ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 17 กันยายน ทางการออสเตรเลียสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกกลุ่มไอเอสได้ราว 15 คน ในนครซิดนีย์ เมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ โดยตำรวจออสเตรเลียระดมกำลังกว่า 800 นาย ออกกวาดจับผู้ต้องสงสัย 15 คน เพราะเกรงจะก่อการร้ายด้วยการสุ่มจับคนไปฆ่าตัดคอ…เมื่อราว 1 สัปดาห์ก่อนหน้า ทางการออสเตรเลียเพิ่งประกาศยกระดับการระวังภัยก่อการร้ายจากระดับกลางเป็น ระดับสูง ข้อมูลจากทางการของออสเตรเลีย ระบุว่า มีชาวออสซี่ราว 60 คน ไปร่วมรบกับกลุ่มไอเอส แต่ข้อมูลที่ไม่เป็นทางการระบุว่า น่าจะมีชาวออสเตรเลียไปร่วมกับนักรบไอซิสถึง 300 คน

http://www.komchadluek.net/detail/20140920/192464.html

http://www.abc.net.au/news/linkableblob/5644868/data/islamic-state-of-iraq-and-syria-isis-flag-data.jpg