ประวัติหนังสือพิมพ์ ๕ เหล่าทัพ

หนังสือพิมพ์ ๕ เหล่าทัพ ถือฤกษ์ วันที่ ๕ เดือน ๕ ปีพ.ศ.๒๕๕๕ เป็นวันเปิดปกปฐมฤกษ์

ในเจตนารมณ์แรกของผู้ก่อตั้งคือทำหนังสือพิมพ์ภายในบอกรับเฉพาะสมาชิก และประชาสัมพันธ์ข่าวสารข้อมูลที่น่าสนใจต่างๆ ด้วยจุดประสงค์ ให้ ความรู้ ความเข้าใจ ความเป็นธรรม  โดยมี ผู้ก่อตั้ง ๔ ท่าน ดังนี้

ว่าที่พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์          
คุณธนกร กีรติเกษมชัย
คุณสุรินทร์ โพธิ์ทรง                        
คุณธัมรงค์ รุ่งหิรัญวัฒน์

หนังสือพิมพ์ ๕ เหล่าทัพ ก่อตั้งจาก ความรัก ความเสียสละ ความปรารถนาดี ต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และกองทัพไทย ดังกล่าวมาจึงเกิดกัลยาณมิตร ผู้เป็นแนวร่วมมากมาย  ทั้งได้เสียงตอบรับอย่างดีมากจากทางคณะที่ปรึกษากิตติมาศักดิ์ และคณะที่ปรึกษาของหนังสือพิมพ์ ที่เห็นด้วยถึงความสำคัญในบทบาทกองกำลังภาคประชาชน ทั้งยังมีเสียงสะท้อนในกองทัพเรื่องกำลังพลขาดแคลน เพราะคนไม่ศรัทธาในกองทัพ ไม่อยากเป็นทหาร โดยภาคสนับสนุนทั้งหลายเหล่านี้ ทำให้ทางหนังสือพิมพ์ตัดสินใจพิมพ์หนังสือพิมพ์ออกมาเพื่อจัดจำหน่าย เพื่อเผยแพร่ และให้ข้อมูล เรื่องความมั่นคงของประเทศ รับเหตุร้องเรียนของทหารและประชาชนที่ได้รับความไม่เป็นธรรม ทั้งภาคประชาชนและกองทัพแก่ประชาชนทั่วๆไป โดยตั้งใจตีพิมพ์หนังสือเป็นรายปักษ์โดยใช้เส้นทางจัดจำหน่ายผ่านทาง วรสาส์น เป็นแห่งแรกด้วยเหตุที่กล่าวมานี้ทำให้หนังสือพิมพ์ ๕ เหล่าทัพ ฉบับแรกที่วางแผงจัดจำหน่ายเป็นเล่ม ๓ เดือน
กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

จากความร่วมมือร่วมใจ รวมถึงกำลังใจที่ได้รับอย่างเปี่ยมล้นของฝ่ายต่างๆ ทำให้สำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ ๕ เหล่าทัพสามารถ จดทะเบียน เป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด หนังสือพิมพ์ ๕ เหล่าทัพ ได้ในที่สุดนโยบายในการบริหารที่จะทำให้หนังสือพิมพ์เป็นที่รู้จัก ให้ความรู้ ช่วยเหลือสังคม มีความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และสามารถเติบโตอย่างมั่นคง เคียงคู่ประชาชนและความมั่นคงของชาติไทย

วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ หนังสือพิมพ์ ๕ เหล่าทัพ ได้รับรางวัล “สื่อความมั่นคงแห่งชาติ” จากสมาคมวิชาชีพผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย โดยมีหม่อมราชวงศ์ จิราคม กิติยากร เป็นประธานพิธี และผู้มอบรางวัลโดยทาง คณะกรรมการได้เล็งเห็นความเหมาะสมและให้คำจำกัดความไว้ ดังนี้

“รางวัลสื่อความมั่นคงแห่งชาติ 1รางวัล ได้แก่ หนังสือพิมพ์ ๕ เหล่าทัพ ที่นำเสนอข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาและเป็นสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ช่วยประสานงานราชการกับหน่วยงานอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในขณะนี้”