พรรคพลังประชารัฐ แกนนำจัดตั้ง “รัฐบาลตู่ 500” มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมกว่าสิบพรรคทั้งที่ได้จัดสรรโควต้า รัฐมนตรีฯ ตามกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ตามพรรคร่วม มีทั้งคนสมหวัง และผิดหวัง ที่พรรคเล็ก พรรคน้อย ที่ออกมาฟาดงวง ฟาดงา ตามมุ้ง ตามก๊กต่างๆ เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ล่าสุด มีทั้ง มงคลกิตติ์ และ พรรคทวงผืนป่า ของ นายดำรงค์ พิเดช เป็นต้น
พรรคพลังประชารัฐ มีปัญหามากที่สุด เนื่องจากการเกลี่ยตำแหน่งโควต้ารัฐมนตรีกันไม่ลงตัว จนไปกระทบพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ความไม่ชัดเจนเรื่องโควต้ารัฐมนตรีฯ ของพรรค พปชร.นอกจากจะทำให้พรรคร่วมรัฐบาล ไม่พอใจแล้ว ยังมีศึกภายใน มุ้งต่างๆ เปิดศึกแย่งเก้าอี้ดนตรีกันอุตลุด อาจลามเป็นปัญหาภายในที่ไม่สามารถคุมอยู่ เพราะแต่ละมุ้ง ก๊ก ก๊วน ต่างๆ เป็นการรวมตัวกันเฉพาะกิจ มิได้เกิดจากเจตนารมย์ และอุดมการณ์ทางการเมือง การมีกลุ่มมุ้งการเมืองมากในพรรคจำนวนมาก ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว พรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นเป็นการรวมตัวหลวมๆของมุ้งทหาร และนักการเมือง
ครั้นเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา หัวหน้ากลุ่มมุ้งการเมืองก็รวบรวมส.ส.ทั้งในพื้นที่จังหวัด หรือบางคนก็ไปตกเบ็ดจังหวัดอื่นมารวมกันเป็นกลุ่มก้อน เพื่อทวงเก้าอี้รัฐมนตรีทันที โดยไม่สนว่า ทุนที่ใช้ในการเลือกตั้งเป็นทุนใคร เพราะรู้ว่าทุกเสียงทุกคะแนนมีความหมาย ทำให้ส.ส.ทุกคนมีค่าตัว เพราะการตั้งรัฐบาลปริ่มน้ำทุกเสียงมีค่า จึงทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในพรรค พปชร.
สำหรับมุ้งการเมือง ในพรรค พปชร. ประกอบด้วย หลายมุ้ง หลายก๊ก หลายเหล่า สามารถแบ่งได้คล่าวๆ ดังนี้
1.มุ้งทหาร นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
2.มุ้งนายสมคิด ประกอบด้วย “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค และก๊วนบริหารพรรค
3.มุ้งอดีตกปปส.นำโดย “ณัฐพล ทีปสุวรรณ” และ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่รับผิดชอบเรื่องทุนเลือกตั้ง และยังโชว์ผลงานทำให้ชนะเลือกตั้งได้ส.ส.กทม.มา 11 ที่นั่ง ซึ่ง “ณัฐพล” เป็นกลุ่มทุน
4.มุ้งสามมิตร นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ,นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และมุ้งนายสุชาติ ตันเจริญ ซึ่งว่ากันว่ามีส.ส.ทั้ง2ระบบในสังกัดราว 20 คน
5.มุ้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ซึ่งได้รวบรวบกลุ่มส.ส.ในภาคเหนือ อาทิ พะเยา 2 คน ตาก 2 คน แม่ฮ่องสอน 1 คนและปาร์ตี้ ซึ่งเวลานี้ตัวเลขอยู่ประมาณ10 คน
6.มุ้งชลบุรี ของ นายสนธยา คุณปลื้ม มี 6 คน
7.มุ้งโคราช ของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากจ.นครราชสีมา ถึง 6 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัว”รัตนเศรษฐ”และเมื่อรวมกับนายวิรัช เป็น 7 คน
8.มุ้งเพชรบูรณ์ นำโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ ซึ่งย้ายมาจากพรรคเพื่อไทยท่ามกลางกระแสถูกพลังดูด และสามารถชนะเลือกตั้ง ยกจังหวัด 5 คน ซึ่งรวมถึงนายสันติ เป็น 6 คน
9.มุ้งกำแพงเพชร ของ นายวราเทพ รัตนากร ซึ่งย้ายมาจากพรรคเพื่อไทย และสามารถกลับมาได้ยกจังหวัด 4 ที่นั่ง ซึ่งทางมุ้งต้องการรัฐมนตรีให้ พ.ต.ท. ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ คนสนิทของนายวราเทพ
10.มุ้ง 13 ส.ส.จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.ครั้งแรก และได้รวมตัวกันเรียกร้องขอให้มีการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี
จะเห็นได้ว่า มุ้ง แต่ละมุ้ง มีอำนาจในการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อให้ทางพรรค จัดสรรโควต้ารัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐปั่นปรวนและนี่เป็นสัญญาณให้เห็นว่าการตั้งรัฐบาลปริ่มน้ำ ย่อมทำให้เกิดการต่อรองตลอดเวลาและอาจล่มลงในไม่ช้า
ซึ่งต้องใช้บริการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตัดสินใจว่า จะแบ่งเค้กอย่างไรให้ลงตัว และไม่ทำให้พรรคแตก ก่อนเวลา อาจจะไม่ง่ายเหมือนคุมทหาร เพราะนี่คือ นักการเมือง ล้วนๆ ที่ไม่มีใครกลัวใคร แบบ “กูไม่กลัวมึง” อยู่แล้ว #มุ้งพลังประชารัฐ ป่วนแย่งเค้ก ฟัดกันนัว “กูไม่กลัวมึง”
ด้วยจิตคารวะ
กรพด 5 เหล่าทัพ
18/6/2562