เผยเสริมอึ๋ม โปรดระวังเสี่ยงเกิดมะเร็ง เร็วสุด 4 เดือน นานสุด20 ปี สาวสองก็เจอด้วย!
ปัจจุบันความนิยมทำศัลยกรรมเพิ่มสูงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือ ผู้ชาย เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ความสวยงาม แต่ก็ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาเมื่อทำศัลยกรรม คือ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยมักมีเหตุการณ์ที่เกิดจากผลข้างเคียงในการทำศัลยกรรมให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
โดยล่าสุด นายแพทย์ วรวรรธน์ แก้ววิเชียร ศัลยแพทย์ตกแต่งโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช โดยตอบคำถามเรื่องการเสริมเต้านม ว่า สามารถทำให้เกิดมะเร็งมากขึ้นนั้น เป็นเรื่องจริง แต่พบได้น้อยมาก และวินิจฉัยได้ยาก ซึ่งได้ระบุถึงการเฝ้าสังเกตระมัดระวังในสาวๆ ที่เสริมเต้ามาไว้อย่างละเอียด
โดยเผยเรื่องดังกล่าวระบุว่า ” เสริมเต้านม ทำให้เกิดมะเร็งมากขึ้นเป็นเรื่องจริง แต่พบน้อยมาก และวินิจฉัยยากมาก! เป็นมะเร็งที่พบรายงานครั้งแรก มา 20 กว่าปีก่อน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยมากนัก เนื่องจากพบน้อยมากๆๆๆ แต่รายงานเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆในปีหลังๆมานี้ หลายชาติมีการตื่นตระหนกของสื่อสังคม และธุรกิจการผลิตซิลิโคน บางชนิดหยุดผลิต หรือสั่งห้ามขายก็มี
เรามารู้ 10 ข้อเท็จจริงที่ควรพึงระวังก่อนตัดสินใจเสริมหน้าอก หรือคนที่เสริมหน้าอกไปแล้ว มีซิลิโคนอยู่กับตัวจะต้องปฏิบัติอย่างไร เกี่ยวกับมะเร็งนี้ ขอสรุปให้ฟัง 10 ข้อดังนี้ครับ
1 #มะเร็งนี้คืออะไร เรียกว่า #มะเร็งเซลล์ต่อมน้ำเหลือง ชนิด ALCL (ไม่ใช่มะเร็งเต้านมครับ เพราะเสริมหน้าอกไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม) แต่มะเร็งเซลล์ต่อมน้ำเหลืองชนิด ALCL นั้น พบในคนที่มีถุงเต้านมซิลิโคนอยู่ในตัว ไม่ว่าจะ ถุงน้ำเกลือ ถุงซิลิโคน ทรงกลม ทรงหยดน้ำ พบรายงานมะเร็งแล้วทุกชนิด
2 #พบบ่อยไหม ปัจจุบันซิลิโคนประมาณ 35 ล้านชิ้น หลายสิบล้านเคส ทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน รายงานการพบมะเร็งต่อมน้ำเหลือง อยู่ที่ 600 กว่าเคสและมีคนตายจากโรคนี้แล้ว 16 ราย (ประเทศไทยพบมะเร็งนี้แล้ว แต่ยังไม่พบการตาย) แต่เนื่องจาก ความรู้ความระวังในบ้านเรายังน้อย มะเร็งนี้จึงอาจ มีมากกว่านี้แต่ไม่ได้รายงาน ไม่ได้วินิจฉัย
3 #มะเร็งนี้เกิดได้จากอะไร ? มี 3 ทฤษฏี คือ
️1 เกิดจากถุงซิลิโคน (ชนิดของเปลือกหุ้มและประเภทสารที่บรรจุภายใน)
️2 เกิดจากพันธุกรรม และภูมิคุ้มกันแต่ละคนมีปฏิกิริยาต่อซิลิโคนไม่เหมือนกัน
️3 เกิดจากแบคทีเรียที่ปนเปื้อนระหว่างผ่าตัด จนฟอร์มตัวเป็นเปลือกบางๆเรียกว่าชั้น ไบโอฟิล์ม (Biofilm) และกระตุ้นการอักเสบเติบโตของมะเร็ง
โดยข้อ 9 ได้ระบุด้วยว่า
9 #ความอันตรายที่ซ่อนอยู่คืออะไร
1 ใน 5 ของผู้ป่วยมะเร็ง ALCL ไม่มีเต้านมบวม ไม่มีน้ำ เป็นแค่ก้อนภายในไม่มีอาการ
–พบรายงาน คนที่เสริมหน้าอกเพียง 4 เดือนก็พบมะเร็งชนิดนี้ได้ และพบนานถึง 20 กว่าปี เคสแก้ พบได้มากกว่าเคสใหม่
-การวินิจฉัยแน่ชัดต้องใช้ห้อง Lab พิเศษเท่านั้น ไม่ใช่ทุก Lab จะทำได้ ถ้าคลีนิคที่ไม่มีการส่งแลปตรวจ โอกาสพลาดสูง
️-ผู้ชาย สาวสองข้ามเพศ ที่ทำเต้านมก็พบมะเร็งชนิดนี้ได้
️-คนที่เป็นมะเร็งเต้านม และเสริมสร้างเต้านมด้วยซิลิโคน ก็สามารถเป็นมะเร็งชนิด ALCL ซ้ำได้อีก
️-ยิ่งการผ่าตัด สกปรกไม่มาตรฐาน ติดเชื้อมากเท่าใด ตามทฤษฎี มีโอกาสเกิดมะเร็งนี้มากขึ้น เท่านั้น (เพราะมี biofilm ไบโอฟิล์ม มีการอักเสบเรื้อรังมากขึ้นได้ ด้าน น.ส.จันทิมา พูลสวัสดิ์ หรือน้องโอ๋ ประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช เปิดเผยรายละเอียด เพิ่มเติมว่า
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคร้ายใกล้ตัวที่ไม่อาจมองข้าม
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่อยู่ใกล้ตัวเรา และไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ควรใส่ใจและให้ความสำคัญ โดยการสังเกตตนเองอยู่เสมอ เมื่อพบเจอสิ่งผิดปกติควรรีบพบแพทย์เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือโรคที่มีเนื้องอกร้ายชนิดหนึ่งเกิดขึ้นที่ต่อมน้ำเหลืองหรือโครงสร้างต่อม ซึ่งระบบน้ำเหลืองก็เป็นระบบหนึ่งของภูมิคุ้มกัน ประกอบไปด้วย อวัยวะน้ำเหลือง ได้แก่ ม้าม และไขกระดูก ซึ่งภายในอวัยวะเหล่านี้จะเต็มไปด้วยน้ำเหลือง มีหน้าที่นำสารอาหารและเซลล์เม็ดเลือดขาวไปทั่วร่างกาย และเมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวเหล่านี้เกิดความผิดปกติ จึงทำให้เกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองขึ้นมา
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถเกิดได้ในทุกที่ เพราะต่อมน้ำเหลืองมีอยู่ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น คอ รักแร้ ข้อพับแขน ข้อพับขา ช่องอกหรือช่องท้อง แต่ยังไงก็ตามเซลล์น้ำเหลืองก็ยังอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกายด้วย ไม่ว่าจะเป็นลำไส้ หรือกระเพาะ จึงสามารถเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้หมดทุกที่
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จากการคาดการณ์เบื้องต้นพบว่ามีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
1. ปัจจัยทางเคมี วัตถุทางเคมีที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น สารเคมีปราบศัตรูพืช น้ำยาย้อมผม เป็นต้น
2. ปัจจัยทางภูมิคุ้มกัน ผู้ที่มีสมรรถภาพภูมิคุ้มกันโรคลดลง เช่น โรคเอดส์ การปลูกถ่ายอวัยวะ โรคไขข้ออักเสบ เป็นต้น
3. ปัจจัยทางพันธุกรรม การเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้น มีความชัดเจนที่เกิดมาจากกรรมพันธุ์ทางครอบครัว เช่น พี่น้องอาจเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตามลำดับ หรือเป็นพร้อมกัน
4. สาเหตุจากไวรัส การติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัส HIV เป็นต้น
ปัจจุบันมีการตรวจวินิจฉัยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ดีขึ้นมาก ส่งผลทำให้อัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น เนื่องจากการรักษาที่ดีขึ้น สำหรับวัยที่ตรวจพบมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สามารถพบได้ในกลุ่มวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 20 ปีถึง 40 ปี ทั้งนี้ก็ยังมีการตรวจพบในผู้สูงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป
ในส่วนของอาการคือจะพบก้อนที่บริเวณต่างๆ ของร่างกาย เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ โดยก้อนเหล่านั้นจะไม่มีอาการเจ็บ ต่างจากการติดเชื้อที่จะมีอาการเจ็บที่ก้อนเนื้อ มีไข้ หนาวสั่น มีเหงื่อออกมากในกลางคืน เบื่ออาหาร น้ำหนักลดเร็ว อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ไอเรื้อรัง หายใจไม่สะดวก ต่อมทอนซิลโต ปวดศีรษะ ซึ่งอาการนี้มักพบบริเวณต่อมน้ำเหลืองในระบบประสาท แต่บางครั้งการคลำเจอก้อนก็อาจไม่ใช่ก้อนมะเร็งเสมอไป เพราะอาจเป็นเรื่องของการอักเสบจากการติดเชื้อ หรืออาจเป็นตัวโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่มะเร็ง โดยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถรักษาให้หายเด็ดขาดได้ ถ้าไม่ได้อยู่ในระยะแพร่กระจาย จึงควรสังเกตตัวเองอยู่เสมอ หากคลำเจอก้อนเวลาอาบน้ำก็ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อการรักษาได้อย่างทันท่วงที
สำหรับระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่
• ระยะที่ 1 พบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเพียงตำแหน่งเดียว เช่น บริเวณลำคอด้านซ้าย หรือบริเวณรักแร้ด้านขวา บริเวณใดบริเวณหนึ่ง
• ระยะที่ 2 พบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่สองตำแหน่งขึ้นไป แต่จะต้องอยู่ด้านเดียวกันของกระบังลม เช่น บริเวณคอด้านซ้าย และคอด้านขวา หรือคอซ้ายกับรักแร้ซ้าย
• ระยะที่ 3 พบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งส่วนบนและส่วนล่างของกระบังลม เช่น มีต่อมน้ำเหลืองโตที่รักแร้ร่วมกับที่ขาหนีบ
• ระยะที่ 4 โรคจะกระจายออกนอกระบบน้ำเหลือง เช่น เกิดที่ไขกระดูก หรือเนื้อเยื่ออวัยวะอื่น เช่น ตับ ปอด สมอง กระดูก
วิธีการตรวจหามะเร็งต่อมน้ำเหลืองแพทย์จะทำการซักประวัติคนไข้ และตรวจร่างกายเป็นลำดับ หรือตัดชิ้นเนื้อของต่อมน้ำเหลืองออกไปตรวจทางพิษวิทยา ส่วนการรักษาจะใช้วิธีการให้ยาเคมีบำบัด จำนวนครั้งในการให้ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ดูแลในเคสนั้นๆ ซึ่งการรักษาโรคนี้จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลอยู่ หากตัวโรคมีความรุนแรงมากจะใช้วิธีการฉายแสงจากภายนอก หรือในคนไข้ที่มีข้อห้ามในเรื่องของการให้ยาก็จะได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้เช่นกัน โดยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะไม่ต้องผ่าตัด เนื่องจากเป็นโรคที่ตอบสนองต่อยาและแสงเคมีบำบัดมากๆ อยู่แล้ว
วิธีการดูแลตนเองสำหรับโรคนี้ คือพยายามทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาจจะเน้นอาหารที่มีพลังงานเยอะ เช่น ไข่ขาว หรืออาหารที่มีโปรตีนสูงก็ช่วยได้ เช่น เนื้อสัตว์ต่างๆ แต่ควรหลีกเลี่ยงพวกยาชุด ยาชุด ยาหม้อ ยาลูกกลอน และควรออกกำลังกาย เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้สุขภาพดี น.ส.จันทิมา พูลสวัสดิ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช กล่าวทิ้งท้ายในสุด
ใจรัก วงศ์ใหญ่ ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ จังหวัดลพบุรี