วานนี้ (15 ส.ค.) ราคาหุ้นการบินไทย ปิดที่ 25.50 บาท ลดลง 1.76 บาท หรือ 6.42% ขณะที่ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวานนี้ (15 ส.ค.) หุ้นการบินไทยพุ่งขึ้นมาแล้วถึง 177% ซึ่งมากกว่าการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยที่บวกขึ้นมา 20%
ทั้งนี้ การบินไทยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2559 มีรายได้รวม 4.19 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวม 3.82 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส 2 นี้ การบินไทยขาดทุนสุทธิ 2.92 พันล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1.27 หมื่นล้านบาท
ด้าน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า มีแรงเทขายหุ้นการบินไทยอย่างหนักเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) เชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนผิดหวังกับผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งก่อนหน้านี้ คาดการณ์ว่า อาจขาดทุนน้อยกว่า 2.9 พันล้านบาท หรืออาจได้เห็นการทำกำไรเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ราคาหุ้นการบินไทยปรับตัวขึ้นมามากสุด เมื่อเทียบกับหุ้นสายการบินอื่นในเอเชีย ซึ่งหากดูจากแอร์ไลน์ อินเด็กซ์เอเชีย จะเห็นว่าปรับลงประมาณ 10% นับตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ ราคาหุ้นการบินไทย กลับขึ้นมามากกว่า 100% แล้ว และหุ้นการบินไทย มีค่าพี/อี ราว 15 เท่า สูงกว่าค่าพี/อี เฉลี่ยของหุ้นสายการบินในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ราว 10 เท่า ดังนั้น ราคาหุ้นการบินไทยขณะนี้ จึงถือว่าแพง ขณะที่ มองว่า การบินไทยยังต้องเผชิญกับการแข่งขันสูงในธุรกิจสายการบิน โดยเฉพาะด้านราคาตั๋วโดยสาร ซึ่งเห็นได้จากรายได้ต่อผู้โดยสารต่อกิโลเมตร ในไตรมาส 2 ซึ่งปรับตัวลดลง 5%
ขณะที่ บริษัท นกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 เช่นกัน โดยนกแอร์มีรายได้รวม 3.92 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ขณะที่ ขาดทุนสุทธิ 745 ล้านบาท เป็นการขาดทุนเพิ่มขึ้นมากถึงเกือบ 400% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ซึ่งขาดทุน 150 ล้านบาท