วันที่ 24 ตุลาคม 2564 เวลา 15.39 น. ณ วัดพระแท่นศิลาอาสน์ พระอารามหลวง ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมกับ วัดพระแท่นศิลาอาสน์ พระอารามหลวง จัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลน้อมรำลึก 120 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หรือพระพุทธเจ้าหลวง หรือพระปิยมหาราช เสด็จพระราชดำเนินวัดพระแท่นศิลาอาสน์ เพื่อนมัสการสักการะพระแท่นศิลาอาสน์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลับแลอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2444 ในคราวเสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ ของพระพุทธเจ้าหลวง เมื่อปี 2444 เพื่อทรงหล่อพระพุทธชินราชจำลอง เพื่อนำไปประดิษฐานวัดเบญจมบพิตร เมื่อหล่อพระเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ได้เสด็จเข้าสู่พื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์(ตอนนั้นยังเป็นเมืองพิชัย มีฐานะเทียบเท่าจังหวัดปัจจุบัน ยังไม่มีชื่อจังหวัดอุตรดิตถ์)
ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2444 เสด็จถึงเมืองพิชัยและประทับค้างคืน ณ เมืองพิชัย พร้อมทั้งออกตรวจราชการและเยี่ยมเยือนประชาชน รวมทั้งได้พระราชทานพระแสงราชศัสตราประจำเมืองพิชัยให้กับเจ้าเมืองพิชัย
วันที่ 22 ตุลาคม 2444 เสด็จถึงเมืองตรอนตรีสินธ์ุ และประทับค้างเมืองตรอนตรีสินธุ์ เสด็จตรวจราชการ เยี่ยมเยือนประชาชน และทรงชมการตีดาบเหล็กน้ำพี้ รวมทั้งได้แจกเหรียญที่ระลึกให้กับเด็กและประชาชนในพื้นที่ด้วย
วันที่ 23 ตุลาคม 2444 เสด็จถึงเมืองบางโพท่าอิฐหรือเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน ขึ้นฝั่งตรงวัดวังเตาหม้อหรือวัดท่าถนนในปัจจุบัน บริเวณลานสาธารณะริมน้ำน่านสถานที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ในปัจจุบัน มีเจ้าเมืองน่าน แพร่ ลำปาง และล้านช้าง หัวเมืองประเทศราชมารับเสด็จด้วย และเสด็จตรวจราชการและเยี่ยมเยือนประชาชนเมืองบางโพท่าอิฐ และตลาดบ้านท่าเสา และประทับค้างคืน ณ พลับพลาที่ประทับรับรอง
วันที่ 24 ตุลาคม 2444 เสด็จไปเมืองลับแล เพื่อตรวจราชการและเยี่ยมเยือนประชาชน ตามถนนอินใจมี จนถึงที่ว่าการอำเภอลับแล(ม่อนลับแลปัจจุบัน) เสวยพระกระยาหารกลางวันเสร็จแล้วเสด็จไปดูฝายหลวง และเสด็จไปวัดพระแท่นศิลาอาสน์ เพื่อนมัสการสักการะพระแท่นศิลาอาสน์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง และเสด็จไปนมัสการพระบรมธาตุทุ่งยั้ง วัดพระบรมธาตุ ก่อนเสด็จกลับไปประทับค้างคืนพลับพลาที่ประทับในเมืองบางโพท่าอิฐ
วันที่ 25 ตุลาคม 2444 เสด็จไปตรวจราชการและเยี่ยมเยือนประชาชนเมืองฝาง เพื่อสักการะพระธาตุเมืองฝางสวางคบุรีมุนีนาถ และตรวจดูเมืองโบราณ แล้วเสด็จกลับมาประทับค้างคืนพลับพลาที่ประทับในเมืองบางโพท่าอิฐ
วันที่ 26 ตุลาคม 2444 เสด็จกลับ
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ อันนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่จังหวัดอุตรดิตถ์และประเทศไทยเป็นลำดับต่อมา ทั้งการย้ายเมืองจากเมืองพิชัย มาตั้งที่เมืองอุตรดิตถ์ จนเป็นจังหวัดอุตรดิตถ์ปัจจุบัน การสร้างทางรถไฟสายเหนือมาถึงอุตรดิตถ์และสถานีรถไฟศิลาอาสน์ เป็นชุมทางหลักทางภาคเหนือในการคมนาคมขนส่งและค้าขาย หลังจากการคมนาคมขนส่งทางน้ำทางเรือ จนทำให้อุตรดิตถ์เป็นชุมทางทางภาคเหนือ และเป็นเมืองงามสามวัฒนธรรม เนื่องด้วยเป็นพื้นที่รอยต่อของอารยธรรม/วัฒนธรรมล้านนา ล้านช้าง และไทยกลาง/สุโขทัย มาปะทะสังสรรค์กัน รวมทั้งกิจกรรมกิจการเกือบทุกด้านของประเทศไทยที่พระองค์พัฒนาให้อุตรดิตถ์และประเทศไทยเราเป็นฐานในพัฒนามาจวบจนทุกวันนี้
นาย ภากร แหลมหลัก อุตรดิตถ์ รายงาน