เป็นเกียรติประวัติของชีวิต จากที่ได้เคยถวายงานพากย์เสียงพระมหาชนก ในแอนิเมชั่นพระมหาชนก สำหรับนักแสดงหนุ่ม “หนุ่ม” อรรถพร ธีมากร โดยเจ้าตัวเผยถึงความประทับใจที่มีต่อพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 ว่า
“ผมเกิดในปี 2516 ตั้งแต่เกิดมา ดูทีวีมาสิ่งที่เห็นอยู่ทุกวันคือ พระราชกรณียกิจ เราไม่เคยเห็นท่านว่าง และสิ่งที่ผมนำมาใช้คือ ความเพียร พยายาม อุตสาหะ ทำอะไรทำจริง ทำให้ดี ทำให้สุดและทำให้จริง สามารถนำมาใช้ได้กับทุกอย่างของชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องดูแลครอบครัว เรื่องงาน”
พระอัจฉริยภาพของพระองค์มีหลายด้าน เราประทับใจด้านไหนเป็นพิเศษไหม หนุ่มกล่าวว่า “ท่านชอบบันทึกภาพ บันทึกความทรงจำ ภาพถ่ายของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ นะ ท่านถ่ายปัญหาไปแก้ปัญหา ทุกภาพที่ท่านถ่ายจาก ฝีพระหัตถ์ของท่าน คือภาพที่ท่านเห็นราษฎร เพื่อไปแก้ปัญหา ส่วนผมทุกวันนี้ก็ชอบถ่ายรูป เรื่องการถ่ายรูปสำหรับผมมันคือการบันทึกกาลเวลา ถึงยุคสมัยในยุคนั้น เพราะในอีก 30 ปีข้างหน้า ถ้าอยากเห็นบรรยากาศแบบนี้ต้องรื้อรูปเก่ามาดู”
เคยมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ หรือรับเสด็จพระองค์ไหม “ไม่เคยครับ ไม่มีบุญครับ ผมไม่เคยเจออยู่ 2 พระองค์คือในหลวงรัชกาล ที่ 9 กับสมเด็จพระเทพฯ แต่เคยมีโอกาสถวายงานบ้าง คือที่ได้ให้เสียงเป็นพระมหาชนกในแอนิเมชั่นพระมหาชนกและทำหนังเทิดพระเกียรติทั้งสองเรื่อง คือ เจ้าชายป้อม และเรื่อง บ้านของบุญเหม็น และได้รับแสดงละครเทิดพระเกียรติต่างๆ ในช่วงวัยนึงพอสมควรครับ”
ตอนที่ได้รับติดต่อให้พากย์เสียงพระมหาชนก อะไรทำให้ตัดสินใจรับงาน “เดิมทีคนที่ติดต่อมาคือพี่ปอม ผู้กำกับฯ เขาเป็นรุ่นพี่ผม แก๊งที่ทำแอนิเมชั่นเรื่องนี้ทั้งหมด เขารู้ว่าผมพากย์หนังมาก่อนหลายเรื่อง ส่วนใหญ่เขาจะใช้เสียงผมเป็นเสียงพระเอก เขาก็ติดต่อมาว่าอยากได้เสียงผม มาพากย์ให้หน่อย ผมก็รับเลยไม่มีปัญหา ถามว่ายากไหมการพากย์ครั้งนั้น คือมันยากตรงที่เป็นบทแก้โดยฝีพระหัตถ์ของท่าน คือมันที่สุดครับ เป็นเรื่องน่ายินดีเพราะคนที่ไปให้เสียงตอนนั้นหรือคนที่มีส่วนร่วมเกี่ยวกับแอนิเมชั่นตอนนั้น แทบจะไม่มีใครคิดเงินเลย ไม่มีใครถามราคาว่าทำงานชิ้นนี้ได้เท่าไหร่เพราะมาด้วยใจ”
พอนึกไปถึงโมเมนต์นั้นที่ได้ทำงาน ขณะที่พระองค์ท่านยังอยู่ “ตอนนั้นจริงๆ ก็ภูมิใจที่เราได้ทำ และได้เป็นส่วนหนึ่งของงานที่จะได้ถวายท่าน แต่ทุกวันนี้มันใหญ่กว่านั้น มันคือเกียรติประวัติของชีวิต”
แบบนี้จะมีโอกาสนำละครมารีรัน หรือจะมีทำใหม่ไหม “เรื่องการรีรันคงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เพราะตอนนี้หนังสั้นเทิดพระเกียรติต่างๆ ก็เริ่มนำมาฉายบ้างแล้ว และตอนนี้ผมรอจากทางผู้ใหญ่หลายท่านเหมือนกัน ที่พูดคุยกันว่าจะทำละครสั้นเทิดพระเกียรติ ผมรออยู่ครับ แค่โทรศัพท์มาผมก็รับแล้ว ส่วนจะได้เห็นเป็นรูปร่างเมื่อไหร่ คงต้องอยู่ที่ผู้ใหญ่ครับ เพราะเราเองพร้อมจะทำตรงนี้ให้อยู่แล้ว”
ความภูมิใจที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินรัชกาลที่ 9 นักแสดงหนุ่มกล่าวว่า “เป็นความรู้สึกเดียวร่วมกันหมดของคนไทย ไม่มีใครเยอะกว่าใคร ตอนนี้ผมเกลียดมากที่มีคนรู้สึกว่าเสื้อเขาสีดำกว่าเสื้อคนอื่น คือหมายถึงบางกลุ่มบอกว่าเขารักในหลวงที่สุด คนอีกกลุ่มรักไม่เท่าพวกเขาหรอก คือมีคนคิดแบบนี้จริงๆ ซึ่งจริงๆ ทุกคนรักในหลวงเหมือนกัน มันเป็นความภูมิใจในชีวิตที่สุดแล้วที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินของท่าน”
พอมีคนบางกลุ่มคิดแบบนี้ เราอยากจะเตือนสติเขายังไงดี “ผมว่าพระองค์ท่านไม่สบายใจนะที่ยังมีคนคิดแบบนี้อยู่ คิดว่าใครรักใครมากกว่ากัน ไม่มีหรอก ยิ่งบอกฉันรักมากกว่า ถ้าเธอทำแบบนี้เธอผิดนะ มันก็เกิดความอคติ ซึ่งจริงๆ พระองค์ท่านไม่อยากให้คนไทยมีอคติต่อกัน ผมเข้าใจในความรักและเจตนา แต่บางทีมันต้องมีสติ บางทีกระแสมหาชน กระแสคลื่นความคิดมันพาให้คนรู้สึกขณะได้ แต่ตัวเราเองต้องดึงขึ้นมา ไม่ใช่ใครก็ตามที่ทำอะไรผิดไปจากพวกคุณคิด ที่พวกคุณเป็น แปลว่าผิด ผมว่านั้นคือคำพิพากษาที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนไทยด้วยกันเองในสังคม ถ้ามีโอกาสผมอยากจะบอกว่าอย่าคิด อย่าทำแบบนั้นเลย ไม่มีใครรักท่านน้อยกว่ากันหรอก”
ถ้าบอกอะไรพ่อหลวงได้อยากบอกอะไร หนุ่มกล่าวว่า “ผมจะเป็นคนดี คิดดี ทำดี เจตนาดีกับรอบข้าง มันจะดีเอง วันนึงเราเคยคิดว่ามีเหลือง มีแดง มีต่างๆ แต่ผมว่าทุกวันนี้แทบไม่มี เจ๋งมากเลยนะ”
สําหรับ “หนุ่ม”อรรถพร ธีมากร เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2516 เป็นนักแสดง นักร้อง นักดนตรี พิธีกร และผู้กำกับละคร เป็นบุตรของนายพูลสวัสดิ์ ธีมากร นักแสดงอาวุโส เข้าสู่วงการบันเทิงหลังไปออกรายการจันทร์กะพริบกับคุณพ่อ โดยเล่นละครเรื่อง “รุ่นหนึ่งตึกห้าหน้าเดิน” เป็นเรื่องแรก
ต่อมามีผลงานแสดงละครและภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง โดยผลงานภาพยนตร์สร้างชื่อ ได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง “2499 อันธพาลครองเมือง” และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ เลตเตอร์ จดหมายรัก” ในการประกาศรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ประจำปี 2547
มีเพื่อนสนิทในวงการ คือ “กัปตัน”ภูธเนศ หงษ์มานพ และ“ติ๊ก”เจษฎาภรณ์ ผลดี
ด้านการศึกษาและชีวิตส่วนตัว จบบริหารธุรกิจบัณฑิต มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น สมรสกับนักแสดงสาว “ฝ้าย”อริญรดา ปิติมารัชต์ มีบุตรชายด้วยกัน 2 คน คนโตได้แก่ น้อง อันดา-ด.ช.ณเสฏฐ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2555 ส่วนคนเล็ก น้องอดัม-ด.ช.ธนพิสิฐ เพิ่งคลอดเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2559
ภาพ – ไอจี @noom_attaporn