“ศุภชัย สมเจริญ” ปธ. กกต. เผยข้อเสนอปฏิรูปเลือกตั้ง ชี้ดึงคนดีกรองคนเลว
ลั่นพร้อมทำงานปฏิรูปสนองนโยบาย คสช.
วันที่ 8 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. เปิดเผยถึงข้อเสนอในการปฏิรูปการเมือง
การเลือกตั้ง พร้อมข้อสรุปเสนอปลัดกระทรวงกลาโหมเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเลือกตั้งว่า หลังจากเสนอ
ข้อสรุปของ กกต. ไปแล้ว จะให้ กกต. ไปร่วมเป็นกรรมการปฏิรูปหรือสภาร่างกฎหมายหรือไม่ก็อยู่ที่ คสช.
จะมอบหมาย ซึ่งยังไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้ แต่ กกต.ก็พร้อมทำงานสนองนโยบาย คสช. ตามเจตนาที่จะ
ทำให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบด้วยการปฏิรูปกฎหมายที่คิดว่าเป็นอุปสรรค หรือเปิดช่องให้คนทุจริตเข้ามา
สู่อำนาจนิติบัญญัติหรืออำนาจบริหาร
ประธาน กกต. กล่าวว่า ทั้ง กกต. หรือเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการชี้แจง
ให้ข้อมูลสำหรับกระบวนการร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือให้เข้าไปเป็นกรรมการนั้น หากมีการขอหรือเชิญไป
แต่ก็คิดว่าข้อเสนอที่สรุปให้ได้แล้วก็มีการตอบคำถามที่ชัดเจนไปทุกประเด็นแล้ว
“แต่ปัญหาของการเลือกตั้งและปัญหาของบ้านเมืองมันยังมีอีกมาก ในการเสนอครั้งนี้คงยังแก้ไม่หมด
เพราะมันละเอียดอ่อน และหลายจุดมันยังไปโยงกับฝ่ายอื่น จึงต้องค่อยๆ แก้กันไป ซึ่งหลังจากที่ตอบคำถาม
ไปแล้ว กกต. ก็จะเสนอการแก้กฎหมายลอตใหญ่ ว่าควรจะทำยังไงต้องแก้ตรงไหน” นายศุภชัย กล่าว
ประธาน กกต. กล่าวว่า แนวคิดในการให้คนดีเข้าไปบริหารบ้านเมือง ไม่เอาแต่ความขัดแย้งนั้น กกต.
ได้เสนอไปในส่วนของการกำหนดให้เข้มงวดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยเฉพาะคนที่ไม่มี
เคยทุจริตการเลือกตั้ง เคยค้ายาเสพติด เคยหมิ่นสถาบันจนศาลตัดสินความผิดถึงที่สุดแล้ว เราต้องกำจัดคน
เหล่านี้ให้พ้นจากวงการเมืองไป ซึ่งจะทำได้แค่ไหนอยู่ที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน
ส่วนการส่งเสริมคนดีเข้าสภาฯ นั้นก็จะให้ช่วยสนับสนุนในเรื่องของการหาเสียงให้ผู้สมัครที่มีเงินหรือไม่มีเงิน
ก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการหาเสียง เพราะคนมีความรู้ความสามารถหลายคนก็ไม่ได้ร่ำรวย กกต. ก็มีแนวคิด
ว่าอาจจะจัดสถานีที่ปิดป้ายจัดสถานที่หาเสียงเหมือนญี่ปุ่น ไม่ใช่ปล่อยให้คนมีเงินติดป้ายได้มากกว่า
ติดได้ทุกที่อย่างที่ผ่านมา
“ถ้าถามว่ารูปแบบการเลือกตั้งของประเทศไหนดี ก็ต้องบอกว่ายังไม่มีของประเทศไหนที่เหมาะสมกับ
วัฒนธรรมไทย เราจึงต้องเอาวิธีของเรามาใช้ เพียงแต่เอาบางส่วนของต่างประเทศมาประกอบ เพราะ
ที่ผ่านมาเราปฏิรูปกันมาตั้งแต่ปี 2475 มาปี 2540 และปี 2550 หยิบของประเทศนั้นประเทศนี้มาใช้
ที่สุดก็ยังต้องมาปรับแก้ให้เข้ากับวัฒนธรรมของบ้านเรา” ประธาน กกต. กล่าว.