เมื่อวันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาวประมงจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ที่ท่าเทียบเรือโรงน้ำแข็งสิริไพโรจน์ จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อรับฟังปัญหาผลกระทบการประมงจากพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และ 2560
โดยตัวแทนสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้ขอให้นายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือ 4 เรื่อง ประกอบด้วย
- ขอให้รัฐบาลเร่งนำกฎหมายประมงเข้าพิจารณาในสภาทันที โดยให้แก้ไขพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และพระราชกำหนดการประมง(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 เพื่อลดขั้นตอนในการแจ้งการเข้าออกท่าเทียบเรือ ที่ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก โดยเฉพาะการจัดทำสมุดบันทึกการทำประมงที่มีการกรอกข้อมูลมากเกินไป และเห็นบทลงโทษเดิมมีอัตราโทษสูงเกินไป
- ในระหว่างพิจารณาแก้กฏหมายประมง ขอให้แก้กฎหมายลูกที่มีปัญหาในการทำประมง ภายใน 90 วัน
- ให้ยกเลิกคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมด ให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบการแก้ปัญหาโดยตรง เพราะการตั้งคณะกรรมการที่ซ้ำซ้อนจึงทำให้การทำงานและการออกประกาศไม่มีเสถียรภาพ
- ให้ขยายเวลาการบังคับให้เรือประมง ที่มีขนาดตั้งแต่ 30 ตันกรอสขึ้นไป ต้องมีเครื่องรับส่งวิทยุ ออกไปอีก 3 ปี เพราะทำให้ชาวประมงแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูง ประกอบกับผู้ควบคุมเรือประมงส่วนใหญ่ยังไม่ได้อบรมบัตรพนักงานวิทยุประจำเรือ