ประเพณีตักบาตรข้าวต้มทุกโยนวัดพระพุทธฉาย เป็นวัฒนธรรมประเพณีซึ่งมีมาแต่ครั้งอดีต ในวันออกพรรษาหรือเรียกว่าตักบาตรเทโวโรหณะ มันเป็นการรักษาสืบสานและต่อยอดงานประเพณีทางพุทธศาสนาที่สำคัญของชาวพุทธ โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนจะได้ปลูกฝัง ความรัก ความกตัญญู ต่อพ่อแม่ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างที่พระองค์เสด็จจำพรรษาในเทวโลกชั้นดาวดึงส์แสดงพระอภิธรรมปิฎกเพื่อตอบแทนคุณของพุทธมารดา
โดย พระราชธีราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย รองเจ้าคณะภาค 2 กล่าวว่า การจัดงานมีวัตถุกระสงค์หลัก ต้องการปลูกฝังความรัก ความกตัญญูต่อพ่อแม่ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างที่พระองค์เสด็จจำพรรษาในเทวโลกชั้นดาวดึงส์ และกลับมายังมนุษย์โลกที่เมืองสังกัสคีรี ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ในการแสดงพระอภิธรรมปิฎก เพื่อตอบแทนคุณของพุทธมารดา ประชาชนต่างมารอเฝ้ารับเสด็จองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำนวนมาก และปารถนาใส่บาตรพระพุทธองค์ โดยประชาชนที่อยู่ห่างออกไปไม่สามารถจะเข้าไปใส่บาตรได้ถึง จึงใช้วิธีการโยนอาหารของตนลงในบาตรของพระพุทธเจ้าและพระสาวก โดยอาหารเหล่านั้นตกลงในบาตรเป็นที่อัศจรรย์อย่างมาก
และในวันนั้นได้กล่าวว่าเป็นวันเปิดโลก ทำให้โลกมนุษย์ สวรรค์ และนรกต่างเห็นกายซึ่งกันและกัน และการจัดงานประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยน วัดพระพุทธฉาย ยังมุ่งหวังให้เกิดความรักสามัคคีของคนในชุมชน เกิดความร่วมมือกัน และประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยนไม่ใช่จะเป็นประเพณีท้องถิ่นเท่านั้น แต่หมายถึงเป็นงานประเพณีและสิ่งที่ชาวพุทธทั่วโลกจะได้ปฏิบัติในวันออกพรรษาด้วย
นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า ปีนี้จังหวัดสระบุรีได้รับความมือจากหลายภาคส่วน ทั้งส่วนราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี ท้องถิ่น ผู้นำชุมชนและชาวบ้าน ปีนี้กำหนดจัดงานในระหว่างวันที่ 29-30 ตุลาคม 2566 รวม 2 วัน ณ วัดพระพุทธฉาย ซึ่งการจัดงานดังกล่าวเพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามให้คงอยู่คู่จังหวัดสระบุรี และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อสืบสานวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณกาล โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่สำคัญเป็นการส่งเสริมการทองเที่ยวของจังหวัดตามนโยบายของนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ที่ผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวในทุกด้าน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาพรวมของจังหวัดสระบุรี ซึ่งในปีที่ผ่านมาจังหวัดสระบุรีมีรายได้จากการท่องเที่ยวนับพันล้านบาท ซึ่งงานมหัศจรรย์ข้าวต้มลูกโยนแห่งจังหวัดสระบุรี ปีนี้ก็คาดว่าจะมีพี่น้องประชาชนมาร่วมพิธีนับหมื่นคน
นางวชิราภรณ์ เพ็ชรล้อม วัฒนธรรมจังหวัดสระบุรี และนายอรรถการณ์ จิตถวิล นายอำเภอเมืองสระบุรี กล่าวว่า ปีนี้ก็เช่นเคยงานประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยนแห่งจังหวัดสระบุรี ก็จะต้องยิ่งใหญ่เหมือนดั่งเช่นทุกปี โดยเฉพาะปีนี้จัดขึ้น 2 วัน ทางคณะผู้จัดงานก็จะได้มีการจัดขบวนแห่ เช่น ขบวนแห่ข้าวต้มลูกโยน และขบวนการแสดงขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมพื้นบ้านที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม และชมการรำวงในบทเพลงรำวงสระบุรี และรำวงสาวสระบุรี ที่ใช้นางรำมากที่สุด กว่า 1 พันคน ซึ่งเป็นกลุ่มนางรำจิตอาสาวัฒนธรรมจากชมรมต่าง ๆ ในจังหวัดสระบุรี การสาธิตการทำข้าวต้มลูกโยน ซึ่งงานนี้ก็เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา พิธีตักบาตรข้ามต้มลูกโยน มีการจำลองการเสด็จลงมาจากสวรรค์ขององค์สัมมาสัมมาพุทธเจ้า เพื่อลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อโปรดสัตว์และมนุษย์โลกโดยมีนางฟ้า นางสวรรค์ เทวดาเสด็จร่วมขบวน
ส่วนทางด้านนายธนกฤต อัตถสัมปุณนะ รองนายกองค์การบริการส่วนจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า นายสัญญา บุญหลง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดงาน ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสระบุรี เช่นเดียวกับงานประเพณีต่าง ๆ ที่ได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนการจัดงาน ทั้งนี้ก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดสระบุรี ด้วย
วัดพระพุทธฉายได้ริเริ่มฟื้นฟูประเพณีใส่บาตรข้าวต้มหาง หรือใส่บาตรข้าวต้มลูกโยน โดยพระราชธีราภรณ์ รองเจ้าคณะภาค 2 และเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย มากว่า 10 ปีมาแล้ว และปฏิบัติต่อเนื่องมา ทำให้งานประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยนของวัดพระพุทธฉาย เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายไปทั่วประเทศ เนื่องจากมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากมาร่วมพิธีจำนวนมาก
สำหรับการทำ”ข้าวต้มลูกโยน” หรือ “ข้าวต้มหาง” ลักษณะคล้ายข้าวต้มมัดแต่มีขนาดเล็กกว่าอีกทั้งในรูปแบบการห่อมีเอกลักษณ์โดดเด่นโดยจะไว้หางยาวเพื่อความสะดวกในการจับโยนใส่บาตร ข้าวต้มลูกโยนหรือข้าวต้มหาง ทำมาจากข้าวเหนียว ซึ่งจะนำมาผัดกับกะทิคล้ายกับการทำข้าวต้ม มัดแต่จะมีขนาดเล็กกว่า ข้าวต้มลูกโยนที่นี่จะใส่กล้วยถั่วดำและใส่กล้วยสุก แล้วนำมาห่อซึ่งรูปแบบการห่อจะนำใบเตยทำเป็นกรวยม้วนพันไปจนหุ้มข้าวเหนียวโดยทิ้งชายไว้ จากนั้นจะมัดด้วยไม้กลัดก่อนนำไปนึ่งให้สุกอีกประมาณ 15 นาที ต่อมาได้มีการประยุกต์ เพื่อเพิ่มความอร่อยและให้น่ารับประทาน นอกเหนือจากข้าวเหนียวสีขาวแล้วก็มี เช่น ข้าวเหนียวสีม่วงทำจากอัญชัน และข้าวเหนียวสีเขียวทำจากใบเตย ส่วนผสมก็เพิ่มขึ้นนอกจากถั่วดำก็จะมีถั่วเหลืองเพิ่มมาด้วย
และที่พัฒนาไปมากสำหรับข้าวต้มลูกโยนหรือข้าวต้มหางที่วัดพระพุทธฉาย คือการปรุงแต่งไส้ให้มีความหลากหลายนอกเหนือจากไส้กล้วย ก็มีไส้เผือก ไส้ถั่ว เป็นต้น ปัจจุบันได้มีการสืบสานโดยกลุ่มนักเรียนและเยาวชนในท้องถิ่น ทำข้าวต้มลูกโยนเพื่ออนุรักษ์ไว้
สำหรับงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหะนะมหัศจรรย์ข้าวต้มลูกโยน วัดพระพุทธฉายจังหวัดสระบุรี เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถวายเป็นพุทธบูชารอยพระพุทธฉาย และรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา ที่ประทับอยู่บนยอดเขา โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้กล่าวขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนมาร่วมบุญ “งานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ มหัศจรรย์ข้าวต้มลูกโยน” ในวันที่ 29 และ 30 ตุลาคม 2566 ณ วัดพระพุทธฉาย นอกจากจะได้ร่วมสืบสานประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นแล้ว ท่านจะได้มีโอกาสมาสักการะพระพุทธฉาย (รูปเงาพระพุทธเจ้า) นมัสการรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาที่อยู่ด้านบนยอดเขา ซึ่งการจัดงานครั้งนี้นอกจากจะเป็นการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสระบุรีอีกด้วย เชื่อว่าจะมีพี่น้องประชาชน ทั้งในจังหวัดสระบุรี จังหวัดใกล้เคียง และนักท่องเที่ยว มาร่วมพิธีนับหมื่นคน
นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
ผู้อำนวยการ ศูนย์ข่าวภาคกลางหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ