เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
กล่าวภายหลังประชุมมาตรการรับมือโรคอีโบลา
ว่า เบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญกรมควบคุมโรค (คร.) รายงานว่าประเทศไทยยังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่ำ ขณะนี้ยังไม่พบ
ผู้ป่วย สำหรับมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกัน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนกลาง มีกรมควบคุมโรคเป็นหน่วยงานหลัก โดยตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ทุกวัน และดูแลด่าน
ต่างประเทศทุกท่าอากาศยานนานาชาติ เพื่อบันทึกข้อมูลผู้ที่เดินทางเข้ามาจากประเทศที่มีการระบาด
ส่วนกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รับผิดชอบความปลอดภัยการส่งเชื้อเพื่อตรวจวิเคราะห์ โดยจะส่งไป
ตรวจที่สหรัฐอเมริกา และกรมการแพทย์รับผิดชอบเรื่องการรักษาพยาบาล
2.ส่วนภูมิภาค ผู้ตรวจราชการ สธ. ทุกเขต จะประสานกับแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเฝ้าระวังผู้ที่เดินทาง
กลับมาจาก 3 ประเทศที่มีการระบาด ถ้ามีอาการไข้หรือมีอาการสอดคล้องกับโรคอีโบลาใน 21 วัน
ต้องรายงานและสอบสวนโรคทันที พร้อมประสาน อสม. ให้สื่อสารข้อเท็จจริงกับชุมชน เพื่อไม่ให้เกิด
ความตระหนก และเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลทุกแห่ง โดยเฉพาะการจัดห้องแยกผู้ป่วย
ขณะที่ นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร. กล่าวว่า สำหรับด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศจะคัดกรองคน
ที่มาจากประเทศที่พบโรค ซึ่งที่ผ่านมาพบ 285 ราย ในจำนวนนี้มี 206 ราย ผ่านระยะฟักตัวของโรค
เกิน 21 วัน จึงขอที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ เพื่อตรวจสอบอาการอย่างใกล้ชิด หากพบคนไข้ที่มี
อาการอีโบลาจะส่งต่อเข้า ร.พ.บำราศนราดูร และ ร.พ.ราชวิถี และให้ป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล
โดยเตรียมห้องแยก
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการส่งข่าวต่อกันทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กว่าพบผู้ป่วยมีอาการคล้ายโรคอีโบลาที่
จ.จันทบุรี นพ.โสภณ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ ร.พ.กรุงเทพ-จันทบุรี พบว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นชาย
อายุ 39 ปี มีประวัติเดินทางติดต่อธุรกิจไปประเทศโมซัมบิก แต่ไม่ได้เป็นประเทศที่มีการระบาดของ
เชื้ออีโบลา ส่วนอาการไข้หลังกลับจากการเดินทาง ตรวจสอบยืนยันแล้วว่าเป็นโรคไข้เลือดออก
ขออย่าตื่นตระหนก








