นายอำเภอหัวใจเพชร
นายอำเภอเมืองลพบุรี
เจ้าของไอเดีย
สุดเก๋ รณรงค์ทำพวงหรีดข้าวสารแทนพวงหรีดดอกไม้สด นี่คือผลงานชิ้นโบว์แดง
ศูนย์ข่าวภาคกลางหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ ขอย้อนไป วันที่ 4 สิงหาคม 2566 ประมาณ สองปี ในเขตอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เริ่มนิยมการใช้
เริ่มนิยมการใช้พวงหรีดข้าวสารแทนพวงหรีดดอกไม้ในงานศพ เป็นเพราะนายรัฐพล ธุระพันธ์ อดีตนายอำเภอพัฒนานิคม ในยุคนั้น เจ้าของไอเดีย
เป็นผู้ริเริ่มในการใช้ข้าวสารแทนพวงหรีดดอกไม้สด
นำข้าวสารมาแทนพวงหรีดว่า จุดเด่นของงานคือการจัดทำพวงหรีดข้าวสารของผู้ที่เคารพรักกับผู้วายชนม์และครอบครัวสำหรับการจัดทำพวงหรีดข้าวสาร แทนพวงหรีดดอกไม้สด นี้ เป็นความแนวคิดของนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ซึ่งได้แจ้งต่อหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด และนายอำเภอในการประชุมคณะกรมการจังหวัดเมื่อต้นปี 2566 เป็นต้นมา และได้เน้นย้ำทุกๆเดือนให้ช่วยกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ทำพวงหรีดที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้หลังเสร็จสิ้นงานศพแล้ว โดยเสนอแนะเป็นข้าวสาร และแพมเพริสสำหรับผู้ป่วยติดเตียงก็ดี
การทำพวงหรีดข้าวสารแทนพวงหรีดดอกไม้สดนี้ราคาไม่แพง ข้าวสารถุงหนึ่งราคา 325-375 บาท ถูกกว่าพวงหรีดดอกไม้สดซึ่งอันหนึ่งมีราคา 500-1,000 บาท ขณะนี้จึงเป็นที่นิยมทำกันมากขึ้นเรื่อยๆในพื้นที่อำเภอพัฒนานิคม จ.ลพบุรี
ในยุคนั้นประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาทำให้โด่งดังไปทั่วประเทศบางจังหวัดก็เลียนแบบเอาข้าวสารไปแทนพวงหรีดดอกไม้สดเก๋ไปอีกแบบ จากวันนั้นถึงวันนี้ไอเดียนี้ ก็มาทำที่พื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี เจ้าของไอเดีย
นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี
เปิดใจตอนหนึ่งว่า
เมื่อวาน(อาทิตย์ที่ 13 กค.68) ผมมีโอกาสได้ไปเป็นประธานงานฌาปนกิจศพของคนที่รักใคร่นับถือกันมาตั้งแต่เมื่อครั้งผมดำรงตำแหน่งนายอำเภอพัฒนานิคม มีสิ่งหนึ่งที่ผมได้สังเกตเห็นและประจักษ์ต่อสายตาแขกเหรื่อผู้มาร่วมงาน แล้วผมแอบภูมิใจเล็กๆลึกๆซ่อนไว้ในใจอยู่คนเดียว นั่นก็เพราะว่านโยบาย ที่ผมได้วางไว้ครานั้น บังเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน นั่นก็คือการรณรงค์เปลี่ยนความคิดประชาชน ให้จัดทำพวงหรีดข้าวสารแทนพวงหรีดดอกไม้สด เพื่อลดภาระการการเก็บและภาวะทำลายหลังเสร็จงาน ที่ตกเป็นหน้าที่ของพระคุณเจ้าในวัดบ้าง สัปเหร่อผู้จัดการศพบ้าง เจ้าภาพบ้าง ต้องนำไปทิ้งด้วยเผา เพิ่มความร้อนให้กับโลกของเราอีกด้วย
ผมจึงได้รณรงค์ เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ผ่านกลไกทางกำนันผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ใช้ข้าวสารถุงละ15 กก. มาทำเป็นพวงหรีดแทน หลังจากเสร็จงานศพ เจ้าภาพก็จะนำข้าวสารจากพวงหรีดเหล่านี้ ไปมอบให้กับบุคคลผู้ที่ลำบากยากไร้ ขาดแคลน ขัดสน เป็นการทำบุญ อุทิศส่วนกุศลผลบุญนี้ต่อผู้ที่วายชนม์อีกทอดหนึ่ง
ปัจจุบันผมได้ย้ายออกมาจากอำเภอพัฒนานิคม นับถึงวันนี้ ประมาณหนึ่งปีครึ่งแล้ว แต่ผลงานการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยความเคยชินของประชาชน จากพวงหรีดดอกไม้สดเป็น”พวงหรีดข้าวสาร”ยังคงมีความยั่งยืนต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เห็นความสำคัญกับแนวคิดดังกล่าวและได้ดำรงปฎิบัติสืบเนื่องต่อมาจนถึงปัจจุบัน
นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
ไพรัตน์ ทองแก้ว
ศูนย์ข่าวภาคกลางหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ
















