6 พฤศจิกายน 2568
นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่ทนคำพูดของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีที่ไปพูดว่า“ไทยล้ำแดนเขมร”ที่ประเทศมาเลเซีย ระบุชาวสุราษฎร์ธานีสั่งตนให้มายื่นให้ปปช.สอบ
หนังสือร้องเรียนถึงนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานปปช. มีความว่า
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้
มาตรา ๑๖๑ ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคําดังต่อไปนี้ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
มาตรา ๑๖๔ ในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีต้องดําเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ด้วย
(๑) ปฏิบัติหน้าที่และใช้อํานาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดําเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม
(๓) ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
(๔) สร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ถึงผลการลงนามในถ้อยแถลงกับกัมพูชาตอนหนึ่งระบุว่า “ส่วนของฝั่งไทยที่ล้ำไปฝั่งกัมพูชาก็มีเช่นกัน ซึ่งหากจะแฟร์ก็ต้องแฟร์ทั้งสองฝ่าย และถ้าตกลงได้แล้ว มีของเราล้ำเข้าไป เราก็ต้องกลับมา”
การพูดและการกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ แสดงออกถึงความด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ อวดรู้ ตีไพ่โง่ให้ข้าศึก มิใช่เป็นเพียงการสนทนา การพูดทั่วๆไปแต่เป็นการผูกมัดในสาระสำคัญระหว่างประเทศ เป็นการอ่อนข้อยอมรับในการกระทำความผิดของรัฐไทยว่ารุกล้ำดินแดนของข้าศึก(เขมร)ซึ่งเป็นอริราชศัตรูผู้รุกรานแผ่นดินไทย แสดงถึงท่าทีและยอมรับว่ารัฐไทยเป็นผู้กระทำความผิดต่อประเทศกัมพูชาส่งผลให้ประเทศชาติได้รับความเสียหายอย่างยิ่งในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ
ข้าพเจ้านายวัชระ เพชรทอง บัตรประชาชนเลขที่ ๓๘๔๙๙๐๐๐๗๙๒๖๑ ที่อยู่ ๒๕/๔ ถนนราษฎร์บำรุง ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งขอร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ว่าการให้สัมภาษณ์ต่อสาธารณชนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ครั้งนี้เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือไม่ ดังนี้
ข้อ ๗ ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน
ข้อ ๘ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตําแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
ข้อ ๑๒ ยึดมั่นหลักนิติธรรมและประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน
ข้อ ๑๓ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เป็นอิสระ เป็นกลางและปราศจากอคติโดยไม่หวั่นไหวต่ออิทธิพล กระแสสังคม หรือแรงกดดันอันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยคํานึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้ตามความเหมาะสมแห่งสถานภาพ
และความเป็นรัฐมนตรีของนายอนุทินฯ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕) หรือไม่
ข้าพเจ้าขอย้ำว่าการพูดของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นการพูดในฐานะนายกรัฐมนตรี ผู้แทนของประเทศไทยเป็นการพูดและการกระทำที่ร้ายแรงกว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่พูดในกรณีคลิปเสียงฮุนเซนที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงเสียอีก
การพูดของนายอนุทิน ที่ว่า “ส่วนของฝั่งไทยที่ล้ำไปฝั่งกัมพูชาก็มีเช่นกัน..มีของเราล้ำไป เราก็ต้องกลับมา” เป็นเจตนาชัดเจนที่พูดย้ำว่าประเทศไทยรุกล้ำอธิปไตยของประเทศกัมพูชาถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา
ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า นายอนุทิน เข้าข่ายความผิด ดังนี้
๑. ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา ๕ ระบุว่า บุคคล มีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ประเทศ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มาตรา ๕๒รัฐต้องพิทักษ์ รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูตและการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ มาตรา ๑๖๔ ในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา และปฏิบัติหน้าที่ใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต รอบคอบ ระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม
๒. ผิดประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๒ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ในมาตราต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐ ต่างประเทศหรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศหรือไม่ และมาตรา ๒๕๗ ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
๓. เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๐ จึงย่อมขาดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.เพื่อถอดถอนนายอนุทินฯ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปโดยเร็วที่สุด หากผลประการใดกรุณาแจ้งให้ข้าพเจ้าและพี่น้องประชาชนทราบภายใน ๑๕ วัน









