“…หยาดเหงื่อแรงกายกว่า 2 ปี ในการลงพื้นที่ดูแลพี่น้องชาวสุราษฎร์ฯ กำลังจะสูญเปล่าหรือไม่? เมื่อ “วัชระ เพชรทอง” ต้องเผชิญหน้ากับ “กำแพงอำนาจ” ภายในพรรคตัวเอง ที่กำลังเปิดประตูรับคนนอกเข้ามาแย่งเก้าอี้ เจ้าตัวไม่ยอมถอย แถลงโต้เดือดอ้างถูกกลั่นแกล้งจากปมขัดแย้งส่วนตัวกับ “บิ๊ก สาธิต” ประธานสรรหาฯ พร้อมท้าชนด้วยความจริง ถามกลับผู้บริหารพรรค… จะเลือกคนทำงานที่ภักดี หรือจะยอมให้เกมการเมืองส่วนตัวมาทำลายศรัทธาของคนปักษ์ใต้?…”
ปมปริศนา: เมื่อ “คนนอก” ถูกทาบทาม ข้ามหัว “คนใน”
ภายใต้ภาพลักษณ์ความสามัคคีที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังพยายามกอบกู้ กลับมีคลื่นใต้น้ำที่น่าจับตามอง เมื่อ นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวด้วยท่าทีขึงขัง เปิดปมพิรุธในการสรรหาผู้สมัคร สส. เขต 1 สุราษฎร์ธานี โดยระบุว่าขณะนี้มีผู้เสนอตัวถึง 5 คน แต่เป้าสงสัยพุ่งตรงไปที่ชื่อของ “หมอมุดสัง” หรือ นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์
ประเด็นที่ชวนให้สังคมตั้งคำถามคือ นายวัชระ เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกว่า บุคคลดังกล่าว “ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์” อย่างถูกต้องตามระเบียบ ซ้ำร้ายยังมีชื่อปรากฏเป็นผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อของ “พรรคประชาชน” ซึ่งมีจุดยืนทางการเมืองและนโยบายเกี่ยวกับสถาบันฯ ที่แตกต่างจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างสุดขั้ว
คำถามคือ… เหตุใดกระบวนการสรรหาของพรรคเก่าแก่ จึงยอมให้มีชื่อบุคคลภายนอกที่มีอุดมการณ์ตรงข้าม เข้ามาอยู่ในโผผู้สมัครได้?
“สาธิต” ชักใย? ปมแค้นส่วนตัวสู่เกมการเมือง?
ความดุเดือดของการแถลงข่าวทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อนายวัชระชี้เป้าไปที่ นายสาธิต ปิตุเตชะ ประธานกรรมการสรรหาผู้สมัครฯ โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้ “ชักจูง” บุคคลภายนอกเข้ามา ทั้งที่รู้ว่ายังขาดคุณสมบัติสมาชิกพรรค
นายวัชระไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น แต่ได้ขุดคุ้ย “รอยร้าวในอดีต” กลางวงแถลงข่าว โดยระบุถึงความขัดแย้งส่วนตัวกับนายสาธิต ตั้งแต่สมัยการเลือกตั้งรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง ที่ นายวัชระ เลือกสนับสนุนคู่แข่งจนนายสาธิตพ่ายแพ้ นำไปสู่เหตุการณ์กระทบกระทั่งที่นายวัชระเปิดเผยว่าถูก “เอาเข่ามาเบียด” ในที่ประชุม
สังคมต้องขบคิดตามว่า การดึงคู่แข่งมาลงชนกับนายวัชระในครั้งนี้ คือกระบวนการสรรหาเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของพรรค หรือเป็นเพียง “การเอาคืนทางการเมือง” ของผู้มีอำนาจในพรรคกันแน่?
กฎเหล็ก “ไพรมารีโหวต” ด่านสุดท้ายวัดใจสมาชิก
แม้จะมีเกมเบื้องบน แต่ “วัชระ” ยังแสดงความมั่นใจในฐานเสียงรากหญ้าและกฎเหล็กของพรรค โดยประกาศท้าทายให้กลับมาวัดกันที่ “ไพรมารีโหวต” ซึ่งเป็นกระบวนการประชาธิปไตยภายในพรรคที่ให้สาขาพรรคและสมาชิกในพื้นที่เป็นผู้ตัดสิน
เขายืนยันผลงานการลงพื้นที่กว่า 699 วัน และการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในพรรคอย่าง นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ให้คำแนะนำกลยุทธ์การหาเสียงด้วยตนเอง สิ่งนี้สะท้อนว่าศึกครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวบุคคล แต่เป็นการงัดข้อกันระหว่าง “ขั้วอำนาจบริหาร” กับ “ขั้วผู้อาวุโสและคนทำงานจริง” ในพื้นที่หรือไม่?
บทสรุปที่ยังต้องจับตา: อุดมการณ์ หรือ เกมอำนาจ?
กรณีนี้สะท้อนปัญหาคลาสสิกของการเมืองไทย คือความขัดแย้งระหว่างระบบพรรคกับความต้องการของผู้มีบารมี นายวัชระทิ้งท้ายด้วยการตั้งคำถามถึงจริยธรรมของประธานสรรหาฯ และเรียกร้องความชัดเจน หากพรรคประชาธิปัตย์ต้องการฟื้นศรัทธาจริง กระบวนการคัดเลือกคนต้องโปร่งใสและตอบคำถามประชาชนได้
การที่มีความพยายามดึงคนจากพรรคที่มีอุดมการณ์ต่างกันสุดขั้วมาสวมเสื้อประชาธิปัตย์ เป็นเพียงกลยุทธ์เพื่อชัยชนะระยะสั้น หรือเป็นการทำลายอัตลักษณ์ของพรรคในระยะยาว? และท้ายที่สุด… สมาชิกพรรคสุราษฎร์ธานีจะยอมรับ “คนนอก” ที่ผู้ใหญ่จัดให้ หรือจะเลือก “คนทำงาน” ที่คลุกคลีในพื้นที่?
สิ่งที่สังคมต้องจับตา:
• ท่าทีของคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ต่อข้อร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติสมาชิกพรรค
• ความเคลื่อนไหวของ “หมอมุดสัง” ว่าจะย้ายขั้วสลับค่ายจริงหรือไม่
• ผลการทำไพรมารีโหวต ว่าจะสะท้อนเสียงของสมาชิกพรรคได้จริงแค่ไหน
นี่คือหนังม้วนยาวที่ต้องดูตอนจบ ว่าหมากเกมนี้จะจบลงที่ความยุติธรรม หรือรอยร้าวที่ยากจะประสานของค่ายแม่พระธรณีบีบมวยผม!
ขอบคุณข้อมูล สืบจากข่าว รายงาน
— ดูในยูทูป >> https://youtu.be/qg6S50es7W8
— ดูใน Tiktok >> https://www.tiktok.com/@suebjarkkhao/video/7580338761901296904?is_from_webapp=1&sender_device=pc
— ดูในเฟซบุ๊ก >> https://www.facebook.com/share/v/17uYY13Bo2/









