เกิดที่ บ้านยางกู่ ตำบลมะอึ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด
ศิษย์เก่าโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย รุ่นที่ 74
ต่อมาเข้าศึกษาเตรียมทหาร รุ่นที่ 26
และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 37
เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ผบ.ทบ.) และ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และ ที่ปรึกษา ผบ.ทบ. ในปัจจุบัน
เส้นทางชีวิตราชการก้าวมาอย่างมั่นคง
จากผู้หมวดเล็ก ๆ ที่ค่ายชายแดน → ผู้บังคับกองร้อย → ผู้พัน → ผบ.ร.16 ยโสธร
จนถึงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี
ก่อนขึ้นเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 2
และในที่สุด… 1 ตุลาคม 2568 ขึ้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 อย่างสมบูรณ์
จากลูกชาวนาเมืองร้อยเอ็ด สู่ขุนศึกใหญ่แห่งแดนอีสานใต้
ชายแดนไทย–กัมพูชา จึงอยู่ในมือของนักรบที่ทั้งรู้พื้นที่ รู้คน และซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน
หลังถูก”ด้อยค่า” “ขนาดลวดหนามยังรักษาไม่ได้จะรักษาประเทศชาติได้อย่างไร”
วันนี้ พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เรียกศักดิ์ศรี”แม่ทัพ”กลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ
ที่ยอมอดทน อดกลั้น ไม่หวั่นไหวต่อคำด่า คำเสียดสี ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพราะ”รอเวลา” เวลาที่ ” ฮุน เซน ” พลาด!
เปิดก่อนใน วันที่ 7 ธันวาคม เพราะคิดว่าไทยไม่กล้า จึงขอความเห็นชอบที่จะตอบโต้เต็มรูปแบบกับกัมพูชา
เมื่อนายกรัฐมนตรีเห็นชอบ ผบ.ทบ.และ ผบ.เหล่าทัพไฟเขียว การตอบโต้จึงเกิดขึ้นอย่างรุนแรง สาสม! จะทำให้จบและสั่งสอนกัมพูชาให้เข็ดหลาบไปตลอดชีวิต
เปิดภาพ “แม่ทัพเติ่ง” บัญชาการรบ สั่งยกระดับใช้กำลัง ลั่นไทยต้องไม่ถูกท้าทายอีกต่อไป
โดยเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2568 พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ร่วมบัญชาการการรบในวอร์รูมอย่างใกล้ชิด ภายหลังเหตุปะทะระหว่างกองกำลังฝ่ายไทยและกัมพูชา
โดยสั่งการให้หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ยุทธศาสตร์ เข้าสู่โหมด “รบทุกมิติ” เพื่อเฝ้าระวังและปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง และมีคำสั่งชัดเจนว่า ให้ดำเนินการตอบโต้ภายใต้กรอบยุทธวิธีอย่างเป็นระบบ มุ่งปกป้องแผ่นดินไทย ความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน
“แผ่นดินไทยนี้ต้องไม่ถูกท้าทายอีกต่อไป ไม่มีพื้นที่สำหรับความลังเล มีเพียงหน้าที่ ศักดิ์ศรี และความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ













