วันที่ 17 มีนาคม 2561 ที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยมี นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว กล่าวถึงกรณีที่นายชัชวาลย์ อภิบาลศรี สมาชิกสภานิติบัญญัติ ฟ้องคดีหมิ่นประมาท กรณีที่ผมออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงงบIct.ของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จาก 3,000 ล้านเป็น 8,000 ล้านบาท และการสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการสภา 18 คน ที่ศาลอาญา เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาทนั้น
ผมขอขอบคุณนายชัชวาลย์ อภิบาลศรี สนช.ที่ให้เกียรติฟ้องมดตัวเล็กๆอย่างผมต่อศาลอาญา เพราะผมเคารพในกระบวนการยุติธรรม
แต่การฟ้องของนายชัชวาลย์ อภิบาลศรี สนช.ไม่อาจหยุดยั้งการตรวจสอบการทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้ กลับเป็นประโยชน์ต่อสังคม เพราะด้วยอำนาจศาลจะขอพยานเอกสารจากทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมดให้ศาลเห็นถึงความผิดปรกติในการตั้งงบประมาณ”งบโป่งพอง”อย่างมโหฬารได้
นายชัชวาลย์ อภิบาลศรี นอกจากฟ้องศาลอาญาแล้วยังไปฟ้องผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ อีกด้วยและนอกจากนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็ฟ้องผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์อีก หาว่าผมพูดเท็จทั้งหมด ซึ่งคงต้องรอให้ศาลยุติธรรมตัดสินต่อไป แต่ข้าราชการรัฐสภาทั้ง 4,000 คนรู้อยู่แก่ใจว่า ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ ใครรักษาผลประโยชน์ของชาติ ใครโกหกสังคม
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎรก็ได้พบการทุจริตและติดตามข้อเท็จจริงการทุจริตสภาแห่งใหม่นี้เช่นเดียวกันกับผม จึงไม่ได้หวั่นไหวใดๆแม้โดนฟ้องถึง 100 ล้านบาท
การที่ผมแถลงเปิดเผยเรื่องนี้ที่ พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2561 และ สื่อมวลชนร่วมตรวจสอบในวันที่ 11-12 มีนาคม 2561 อย่างครึกโครม ทำให้ผู้ที่เตรียมดันงบIct.ของสภาแห่งใหม่ 8,658 ล้านบาทเข้าคณะรัฐมนตรีให้อนุมัติอย่างกล้วยๆในวันที่ 13 มีนาคม 2561 ต้องผิดหวังอย่างรุนแรง เพราะเลขาครม.ไม่กล้านำเข้าเพื่ออนุมัติอย่างเร่งด่วนตามที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ต้องการแต่ประการใด
แม้ผมเป็นเพียง อดีต ส.ส. ตัวเล็กๆและถูก สนช. ฟ้อง 100 ล้าน ผมก็ภูมิใจที่สามารถหยุดยั้งการอนุมัติงบประมาณ 8,658 ล้านบาทของชาติไว้ได้ชั่วขณะ และต้องการให้การจัดของบประมาณของรัฐสภา ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่หน่วยราชการทั่วไป เน้นการประหยัดเงินแผ่นดิน และมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ใช่มัวแต่คิดว่าสนช.ก็ของเรา ประธานสภาก็ของเรา ครม.ก็ของเรา แล้วจะเสนองบโป่งพองอย่างไรก็ได้หัวหน้าหน่วยราชการทุกหน่วยไม่ว่ากรมบัญชีกลาง หรือสำนักงบประมาณรวมถึงรัฐมนตรีที่เข้ประชุมอนุมัติทุกคนก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในอนาคตด้วย หากมีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะมีการทักท้วงล่วงหน้าแล้ว
ส่วนกรณีเรื่องโครงการจัดสร้างแบบจำลองอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ทองคำเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร ที่ผมออกมาเรียกร้องให้เปิดเผยตรวจสอบและลงโทษข้าราชการที่เกี่ยวข้องนั้น เพราะอดีตส.ส.ต้องรับผิดชอบในหน้าที่ยิ่งเป็นโครงการสำคัญของชาติ มีการแถลงข่าวเป็นทางการที่สภา ประชาชนรับรู้ทั้งประเทศ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมามีอำนาจแทนสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องรับผิดชอบโครงการนี้ต่อด้วยนี่ถ้าผมไม่ยื่นหนังสือถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้สอบสวนเรื่องนี้ก็จะเงียบหายไปใช่หรือไม่
การที่ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงเรื่องนี้ว่าติดปัญหาเรื่องการจัดงบประมาณนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะสนช.พิจารณางบประมาณมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 ทีงบ Ict.สภาใหม่ จาก 3,000 ล้านดันพุ่งเป็น 8,000 ล้านได้ แล้วโครงการเฉลิมพระเกียรตินี้ ทำไมไม่เอาใจใส่ ปล่อยปละละเลยได้อย่างไร นายสรศักดิ์เคยรายงานให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสถานิติบัญญัติแห่งชาติทราบหรือไม่ แล้วประธานสั่งอย่างไร ทำไมไม่รีบดำเนินการให้แล้วเสร็จ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เคยสั่งย้ายนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 24 ชั่วโมงโดยอ้างเหตุกว้างๆว่าสร้างสภาฯล่าช้า แล้วนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นอกจากสร้างสภาฯล่าช้ากว่า แถมเป็นผู้อนุญาตให้ขยายเวลาก่อสร้างต่อไปอีกนานถึง 3 ปีและไม่ใส่ใจโครงการสำคัญของชาติแบบนี้ เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.รับทราบข้อเท็จจริงนี้แล้วยังจะปล่อยให้เป็นเลขาธิการสภาฯอีกต่อไปหรือ
//////////////
ธีรพล ปลื้มถนอม (ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ๕ เหล่าทัพ) รายงาน