เมื่อไม่กี่วันก่อน นสพ.นิวยอร์ค ไทมส์ รายงานข่าวเจาะลึกชิ้นหนึ่งว่าทหารสหรัฐและตำรวจอิรักหลายนาย
ได้รับบาดเจ็บจากการสัมผัสกับอาวุธเคมีที่ถูกทิ้งไว้ในอิรักตั้งแต่ปี 2004-2011
เหตุการณ์เกิดขึ้นหลายครั้งแต่กระทรวง กลาโหมสหรัฐปิดไว้เป็นความลับไม่แจ้งทั้งกับสาธารณชนและสภาคองเกรส
นิวยอร์ค ไทมส์ ระบุว่าอาวุธเหล่านั้นผลิตขึ้นในยุคที่ซัดดัม ฮุสเซน ครองอำนาจในช่วงทศวรรษ 1980 และใช้ทำ
สงครามกับอิหร่าน นอกจากนี้ยังใช้จัดการกับกลุ่มชาวเคิร์ดในเมืองฮาลาบจาทางตะวันออกของอิรักด้วย
อาวุธเคมีส่วนใหญ่ถูกทำลาย หลังสงครามอ่าวเปอร์เชียในปี 1991 แต่ยังมีกระสุนอีกหลายพันนัดฝังหรือซ่อนอยู่
จนกระทั่งทหารสหรัฐไปพบโดยบังเอิญในปี 2003 การค้นพบเหล่านี้บางส่วนไม่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานอย่างสมบูรณ์
ขณะที่บางกรณี ทหารก็จัดการทำลายอาวุธเหล่านี้เสียเองโดยไม่แจ้งให้ทีมพิเศษมาดำเนินการ
ตำรวจและทหารพบหัวรบ ลูกปืนใหญ่ และระเบิดจำนวน 5,000 ลูก นิวยอร์คไทมส์รายงานโดยอ้างข้อมูลจากเอกสารลับ
และการสัมภาษณ์ทหารสหรัฐ 17 นาย ตำรวจอิรักอีก 7 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจพบอาวุธเคมีถึง 6 ครั้ง
มีรายงานว่าอาวุธเหล่านั้น บางส่วนถูกออกแบบและผลิตในยุโรป และอัดแน่นไปด้วยสารเคมีที่ผลิตในอิรัก
ส่วนผสมบางอย่างที่ใช้ซื้อจากสหรัฐ
โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุในแถลงการณ์ที่ส่งถึงบีบีซีว่า รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐมีความเป็นห่วงเรื่องข้อกล่าวหา
ที่ว่าทหารไม่ได้รับการดูแลและสนับสนุนตามสมควร และได้สั่งให้ทบทวนดูแลเรื่องนี้แล้ว นอกจากนี้กระทรวงกลาโหม
ยังเปิดเผยเรื่องการค้นพบอาวุธเหล่านี้ย้อนหลังกลับไปจนถึงปี 2006 ต่อสาธารณชน และเชื่อว่าจะพบมากขึ้นอีก








