เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 ณ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) พลเอกเทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการแสดงศักยภาพของกำลังพลสำรอง 3 เหล่าทัพ ประจำปี 2561 โดยมีผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้แทนผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน และนายทหารระดับสูงจากเหล่าทัพ เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน
สำหรับการแสดงศักยภาพของกำลังพลสำรอง 3 เหล่าทัพ ถูกจัดขึ้นในปีนี้เป็นครั้งแรก โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ 3 ประการคือ 1.เพื่อทดสอบผลการดำเนินการของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ในการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลสำรอง ให้สามารถปฏิบัติภารกิจร่วมกับกำลังประจำการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูง เห็นถึงความสามารถของกำลังพลสำรอง และมีความเชื่อมั่นในการเตรียมความพร้อมให้กับกำลังพลสำรองของเหล่าทัพ 3.เพื่อประชาสัมพันธ์ให้สาธารณะได้รับทราบถึงบทบาท และความสำคัญของกำลังพลสำรองที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ
ด้าน พล.อ.เทพพงศ์ กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง พ.ศ.2558 กำลังพลสำรองมีหน้าที่ความรับผิดชอบคือ การรับการเรียกพล เพื่อตรวจสอบการฝึกวิชาทหาร ตลอดจนการระดมพลกรณีประเทศชาติอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเข้าสู่สภาวะสงคราม จึงมีความสำคัญต่อความมั่นคง และอธิปไตยของชาติ ที่สำคัญคือการเรียกพลในภารกิจเพื่อป้องกันภัยพิบัติ และบรรเทาสาธารณภัย เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ พล.ท.ปรีชา สายเพ็ชร เจ้ากรมสรรพกำลังกลาโหม กล่าวว่า การแสดงศักยภาพของกำลังพลสำรองในครั้งนี้ เพื่อทดสอบการดำเนินการของ 3 เหล่าทัพ ให้มีความเข้มแข็ง เพราะไม่ทราบว่าในอนาคตสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เราจึงประมาทไม่ได้ ต้องเตรียมการไว้ตลอดเวลา รวมถึงภัยพิบัติต่างๆ เพราะทหารคือกล้ามเนื้อของประเทศ ดังนั้นกำลังพลสำรองต้องได้รับการฝึกฝนตลอดเวลาเช่นกัน
นอกจากนี้ เจ้ากรมสรรพกำลังกลาโหม กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทัพได้มีกระบวนการบริหารจัดการ สำหรับคนที่จะเข้ามาเป็นกำลังสำรอง โดยเรียกกำลังพลสำรองมาฝึกเป็นวงรอบของแต่ละปี อาทิ 9 วันต่อครั้ง ซึ่งจะไม่กระทบการทำงาน และจำนวนที่มาฝึกเมื่อเปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละปี ส่วนกระบวนการพิจารณาคนเข้ามาอยู่ในบัญชี กองกำลังกองทัพมีคณะกรรมการพิจารณาด้วยความรอบคอบว่าจะส่งผลกระทบหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการให้ความร่วมมือ และสมัครใจมากขึ้น อาทิ พ่อค้า นักธุรกิจ เนื่องจากการฝึกกำลังพลสำรอง เมื่อฝึกกลับไปแล้วนอกจากจะได้ความเข้มแข็ง อดทน ยังได้ความมีระเบียบวินัยต่อตนเองอีกด้วย ขณะที่ปัจจุบันกระทรวงกลาโหมได้นำ พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง พ.ศ.2558 มาบริหารจัดการกลุ่มบุคคลที่เป็นกำลังพลสำรองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ กำลังพลสำรองเข้าแสดงศักยภาพ มียอดรวมทั้งสิ้น 377 นาย โดยแบ่งเป็นกองทัพบก จำนวน 207 นาย ซึ่งสาธิตการตรวจสภาพความพร้อมรบของกำลังพลระดับกองร้อยอาวุธเบา และแสดงการใช้อาวุธประจำหน่วย ขณะที่กองทัพเรือ จำนวน 110 นาย สาธิตการตรวจค้นเรือประมง เพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ สิ่งผิดกฎหมาย และการนำเรือด้วยเครื่องฝึกเดินเรือจำลอง ด้านกองทัพอากาศ จำนวน 60 นาย สาธิตการป้องกันฐานบิน โดยมีชุดตรวจจักรยานยนต์ 1 ชุด ชุดสายตรวจยานยนต์ 1 ชุด และชุดปฏิบัติการ 1 ชุด