เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 เวลา 13:00 น. พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.) และผู้บริหารในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการ 11 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อเตรียมและพัฒนายกระดับจัดการอาชีวศึกษารองรับอุตสาหกรรม 4.0 ที่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาปทุมธานี ตำบล บางพูน อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี
โดยการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 1,800 คน ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.) ผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชน และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการประชุมรับฟังการนำเสนอทิศทางการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา 2012 โดยประธานคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.) 36 กลุ่ม พร้อมทั้งจัดให้มีนิทรรศการ อ.กรอ.อศ 11 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และการบรรยาย เรื่อง การปฏิรูปอาชีวศึกษา เพื่อนำไปขับเคลื่อนการดำเนินการพัฒนาและยกระดับคุณภาพผู้เรียนอาชีวศึกษา
พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ เปิดเผยว่า รัฐมีนโยบายและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ได้มีการกำหนดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อกระตุ้นการลงทุนและส่งเสริมขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขันของอุตสาหกรรม โดยเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย และกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการบิน โลจิสติกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ อุตสาหกรรมอาหารแปลรูป เป็นต้น เหล่านี้ล้วนต้องการทักษะฝีมือกำลังคนจากอาชีวศึกษาทั้งสิ้น ดังนั้นการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศให้มีคุณภาพ สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งประเทศได้นั้น ย่อมต้องเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ตามแนวประสานพลังประชารัฐ
นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ยังได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษประจำภาคต่างๆ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการระดมทรัพยากรและความร่วมมือ พัฒนาสมรรถนะผู้เรียนเข้าสู่มาตรฐานอาชีพให้สอดคล้องกับการมีงานทำ รวมทั้งเป็นแหล่งข้อมูลวิจัยและพัฒนากำลังคนของประเทศ การประชุมในวันนี้ จึงนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน