วัดพุน้อย หมู่ที่1 ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ได้จัดพิธีบุญสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทย ทอดจุลกฐินสามัคคี ปีที่ ๑๓ ท่านพระเดชพระคุณ (ดร)พระโสภณพัฒนคุณ(เจ้าคุณทิน) เจ้าอาวาสวัดพุน้อย ในฐานะเจ้าคณะอำเภอหนองม่วง และ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเศรษฐีเรือทอง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางวัดพุน้อย ขอเชิญพุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน
ร่วมทำบุญสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทยเป็นเจ้าภาพทอดจุลกฐินสามัคคี ปีที่ ๑๓
กองละ ๑,๐๐๐ บาท รับวัตถุมงคล
๘ พฤศจิกายน ๖๑ ทำพิธตั้งองค์กฐิน-จุลกฐิน กลางคืน พบกับวงดนตรี ค่ายท๊อปไลน์ไดมอนด์ นำโดย เพชร สหรัตน์
๙ พฤศจิกายน.๖๑ กลางคืน พบกับวงดนตรี พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ,คาราบาว
เวลา ๒๔.๐๐ น. เริ่มพิธีจุลกฐิน
๑๐ พฤศจิกายน.๖๑ เวลา ๑๑.๐๐ น.ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์
เวลา ๑๓.๐๐ น. เทศน์อานิสงส์มหาจุลกฐิน
เวลา ๑๕.๐๐ น. ถวายจุลกฐิน. วัดพุน้อย 3 หมุ่ที่ 1 ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่จังหวัดลพบุรี แต่เดิม พุน้อยเป็นชื่อของ น้ำที่ผุดขึ้นมาคล้ายน้ำพุตลอดทั้งปี ไม่มีวันแห้ง จึงเป็นชื่อเรียกขานหมู่บ้านแห่งนี้ วันที่๒๕ เมษายน พศ ๒๕๑๕ หมอเคลือบ และนาง บุญมา เหมือนเอี่ยม ได้มอบถวายที่ดิน จำนวน ๖ ไร่ ๑ งาน ๕๓ ตารางวา เพื่อสร้างวัดพุน้อย หลวงพ่อชื้น บุญยกาโม นำชาวบ้านพุน้อยร่วมก่อสร้าง ได้ ๔ พรรษาท่านจึงมรณภาพ ต่อมาปี พศ.๒๕๑๙ หลวงปู่แบน จนฺทสโร มาอยู่จำพรรษา และได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีก๑๕ ไร่ ๒ งาน ๘๐ ตารางวา จนกระทั่งท่านได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๓ หลวงปู่แบน จนังทสโร ท่านเป็นเจ้าอาวาสนั้น ได้ร่วมกับชาวบ้านพุน้อยพัฒนาวัดจนเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้วัดที่ไม่มีคนรู้จัก กลายเป็นวัดที่มีคนเชื่อถือเลือมใสศรัทธาเดินทางมากราบไหว้กันอย่างไม่ขาดสาย เพียงชั่วระยะเวลาไม่กี่ปี การเดินทางไปยังวัดพุน้อย มีถนนลาดยางถึงวัด สะดวกสบายตลอดการเดินทาง วัดพุน้อยก็มีสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุถายในวัดแทบจะครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ และอื่นๆอีกจำนวนมาก จากวัดเล็กๆที่ห่างไกลความเจริญ กลายเป็นวัดที่มีประชาชนรู้จักกันเกือบทั้งประเทศ มีการนำกฐินและผ้าป่าสามัคคี มาทอดกันอย่างล้นหลาม ตลอดจนการปฏิบัติธรรมปัจจุบัน ท่านพระเดชพระคุณ (ดร)พระโสภณพัฒนคุณ(เจ้าคุณทิน) เจ้าอาวาสวัดพุน้อย ในฐานะเจ้าคณะอำเภอหนองม่วง และ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเศรษฐีเรือทอง ท่านยังคงสืบสานวิชาอาคม ที่รับจากหลวงปู่แบน จนฺงทสโร ในเรื่องเมตตามหานิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการค้าขาย ที่หลวงปู่แบนได้สร้างเรือพุทธคุณขึ้นมา ซึ่งใครได้ไปบูชาจะประสบผลสำเร็จกันแทบทุกคน จึงมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาที่วัดพุน้อยกันอย่างเนืองแน่นในแต่ละวัน
วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤศจิยายน ๒๕๖๑เวลา ๑๕.๐๐ น. ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี( นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์) เป็นประธานทอดจุลกฐินสามัคคี ที่วัดพุน้อย ในการดำเนินการประกอบพิธีทำผ้าจุลกฐินซึ่งเป็นการทำผ้าไตรจีวรให้แล้ว เสร็จทันประกอบพิธีทอดกฐินสามัคคี วัดพุน้อยได้รับแรงศรัทธา ตลอดจนความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจจากประชาชนในอำเภอ บ้านหมี่และอำเภอต่างๆของจังหวัดลพบุรี รวมถึงพุทธศาสนิกชนจากจังหวัดใกล้เคียงและ ผู้ที่อยู่ห่างไกล หลั่งไหลมาร่วมในพิธีการทำผ้าจุลกฐิน กันอย่าง เนืองแน่น ซึ่งในปีนี้เป็นการจัดประเพณีจุลกฐินที่วัดพุน้อยต่อเนื่องเป็นปีที่ ๑๓ โดยชาวบ้าน และผู้มาร่วมงานต่างเริ่มช่วยกันเก็บฝ้ายตั้งแต่กลางวันวัน ศุกร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑. และเริ่มดำเนินการหลังเวลา ๒๔.๐๐น.ตามขั้นตอนอิ้วฝ้าย ตีฝ้าย เข้าใจฝ้าย กรอหลอดฝ้าย เดิน เส้นด้าย ใส่กี่ เก็บตะกอ ทอเป็นผืน ตัดขันฝ้าย เย็บย้อมและซักรีดเป็นผ้าไตรจีวร จำนวน ๑ ชุด แล้วเสร็จภายในช่วงเวลาบ่ายวันเสาร์ที่ ๑๐ พฤติกายน. ๒๕๖๑.
ด้าน ท่านพระเดชพระคุณ (ดร)พระโสภณพัฒนคุณ(เจ้าคุณทิน) เจ้าอาวาสวัดพุน้อย ในฐานะเจ้าคณะอำเภอหนองม่วง และ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเศรษฐีเรือทอง ได้เล่าประวัติความเป็นมาของ หลวงปู่แบน (จนฺทสโร) วัดพุน้อย ( เศรษฐีเรือทอง )
ให้กับผู้สื่อข่าว ว่า.
หลวงปู่แบน จนฺทสโร เดิมจำพรรษาวัดตาลเจ็ดชื่อ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เริ่มจำพรรษาอยู่ที่วัดพุน้อย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๓ หลวงปู่แบนมีความรู้เรื่องยาสมุนไพรจึงรักษาญาติโยมด้วยยาแผนโบราณ และเริ่มนำชาวบ้านพุน้อยก่อสร้างเสนาสนะ
หลวงปู่แบน เริ่มจำพรรษาอยู่ที่วัดพุน้อยเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ ขณะนั้นมีพระจำพรรษาอยู่ ๓ รูป หลวงปู่แบน มีความรู้เรื่องยาสมุนไพร จึงรักษาญาติโยมที่เจ็บป่วยด้วยยาแผนโบราณ
หลวงปู่แบน จนฺทสโร แห่งวัดพุน้อย ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พระเกจิอาจารย์ต้นตำรับแห่งการปลุก เสก สร้าง “เรือแม่ตะเคียนทอง” ที่โด่งดังที่สุด เนื่องจากในอดีตกาลที่หลวงปู่แบนยังเป็นฆราวาส ได้อาศัยประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในเรือสำปั้น ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอดีตหลวงปู่แบนท่านชอบเรียนทางวิชาคาถาอาคม ครั้นเมื่อมาบวชเป้นพระ ท่านจึงได้แตกฉานในวิชาแขนงนี้ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง จวบจนกระทั่งเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๖ หลวงปู่แบนท่านก็ได้รับถวายต้นตะเคียนทองต้นใหญ่ จากชาวบ้านซึ่งได้ขุดพบฝังอยู่ในดินเป็นเวลานับร้อยๆ ปี โดยมีรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง
ครั้นเมื่อไปถึงหลวงปู่แบน ท่านก็ได้อัญเชิญวิญญาณของแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเป็นรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง ให้มาสร้างบารมีอยู่ที่วัดพุน้อยด้วยหลังจากได้นำเอาตะเคียนทองใหญ่มาไว้ที่ วัดพุน้อย ก็ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น เมื่อญาณของแม่ตะเคียนทองได้เข้าไปในนิมิตของหลวงปู่แบนว่า “อยากจะร่วมสร้างบารมีบุญกับหลวงปู่ด้วย !!!” โดยแม่ตะเคียนทองได้ขอให้หลวงปู่แบนเอาต้นตะเคียนทองที่ตนอาศัยอยู่นั้นมาทำ เป็นเรือแม่ตะเคียนทอง เพื่อหลวงปู่จะได้นำเรือนี้ไปช่วยเหลือผู้คนในด้านทำมาหากิน ค้าขายให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น และด้วยนิมิตดังกล่าว หลวงปู่แบน จนฺทสโร ก็ได้นำเอาตะเคียนทองใหญ่นั้นมาทำเป็นเรือสำปั้น ปลุกเสกด้วยคาถาเมตตาทำมาหากินคล่อง และอัญเชิญญาณบารมีแม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย (ซึ่งเป็นรุกขเทวดา) ได้สถิตอยู่ในเรือทุกลำ
ครั้นเมื่อญาติโยมผู้ใดอยากจะได้ไปบูชาก็ต้องทำพิธีรับเรือด้วยตนเอง และอัญเชิญบารมีแม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย เพื่อจะได้ช่วยดลบันดาลให้ กิจการงาน ทำมาหาหากิน ค้าขาย เจริญรุ่งเรืองประสบผลสำเร็จ ซึ่งก็เป็นที่ฮือฮาอัศจรรย์จริงๆ เพราะถ้าหากว่าใครสามารถที่จะยกเรือขึ้นได้ ทางวัดจึงจะให้บูชาไปได้ ถ้าหากใครยกไม่ขึ้น วันหลังถึงค่อยมายกใหม่ หรือจนกว่าจะยกขึ้น ทางวัดจึงจะให้บูชาไป ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าแม่ตะเคียนทองเค้ายังไม่ยอมให้กับเรา หลวงปู่แบนท่านว่าอย่างนั้น ปัจจุบันแม้ท่านหลวงปู่แบน จนฺทสโร ท่านได้มรณภาพไปแล้ว แต่ก็ยังมีศิษย์ก้นกุฏิที่ยังสืบสานวิชาการทำเรือตะเคียนทองขึ้นมาจนโด่งดัง ไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ท่านพระครูสมุห์ทิน สุทินฺโน เจ้าอาวาสวัดพุน้อยรูปปัจจุบัน และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลหนองม่วง ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่แบนมากในสมัยที่ท่านยังไม่มรณภาพ ด้วยเหตุที่ท่าน เป็นพระปฏิบัติดี นักพัฒนา และมีเมตตา หลวงปู่แบนท่านจึงได้ถ่ายทอดวิชาการ ทำเรือแม่ตะเคียนทอง อันเป็นต้นตำรับ ที่ท่านมีอยู่จนหมดสิ้น และที่กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติหลวงปู่แบน จนฺทสโร และรวมถึงอภินิหารของเรือแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเจ้าอาวาสวัดพุน้อย องค์ปัจจุบันคือ ท่านพระครูสมุห์ทิน สุทินฺโน ซึ่งเป็นศิษย์ผู้ใกล้ชิด ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาการปลุกเสกทำเรือแม่ตะเคียนทองแบบต้นตำรับ อาถรรพณ์ จากหลวงปู่แบน ได้ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง สามารถพิสูจน์ได้ ถ้าใครไปเข้าพิธีรับเรือ แล้วยกเรือไม่ขึ้น ทางวัดจะไม่ให้บูชาไป แต่ถ้าใครสามารถยกเรือขึ้นได้ ทางวัดก็จะให้บูชากลับบ้านไป ซึ่งนั่นก็หมายถึง บุคคลผู้นั้นมีวาสนาบุญบารมี รุกขเทวดาที่อาศัยในต้นตะเคียนทอง อยากที่จะไปทำให้ท่านมีโชคลาภ ทำมาค้าขาย เจริญรุ่งเรืองนั่นเอง ในปีนี้ทางวัดพุน้อย รวมกับ มูลนิธิเศรษฐีเรือทอง. เป็นปีพิเศษสุด. ทางวัดพุน้อยได้เรลิมิตทางเข้าวัดพุนัอย เป็นทุ่งทานตะวัน. ด้านท่านพระเดชพระคุณ (ดร)พระโสภณพัฒนคุณ(เจ้าคุณทิน) เจ้าอาวาสวัดพุน้อย ในฐานะเจ้าคณะอำเภอหนองม่วง และ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเศรษฐีเรือทอง เปิดเผย เพิ่มเติมอีกว่า ทางวัดพุน้อย ร่วมกับมูลนิธิเศรษฐีเรือทองได้เรยมิตรและ เตรียมหยอดทานตะวัน ก่อนทางเข้าวัดพุน้อย ใว้ให้ศิษย์ชาวเศรษฐีเรือทองใว้ใ้ห้ชมความงาม เป็นที่ถ่ายรูป ตอนรับงานจุลกฐินวัดพุน้อย ๘-๙-๑๐ พฤศจิกายน ๖๑. คาดว่าถึงบ้านงานจะเหลืองสะพรั่ง. ไปทั่วบริเวณ และทาง เข้าวัดพุน้อยจะเป็นภาพที่สวยงามที่สุด. ทางวัดพุน้อยและมูลนิธิเศรษฐีเรือทอง จะมี รถไฟฟ้าคอยรับส่งและชมความงามดอกทานตะวัน อีกทางหนึ่งด้วยศิษย์ยานุศิษย์ และประชาชนท่านใดสนใจเข้าร่วมพิธีงานจุลกฐิน ประจำปี 2561. และจะเข้า ชมความงามของทุ่งทานตะวัน ติดต่อทางวัดโดยตรงจะขอจากเจ้าหน้าที่และรถรับส่งไปชมความงามถึงทุ่งทานตะวันเลยทีเดียว. คาดว่าจะนำเม็ดเงินเข้าวตะวันลพบุรีกว่า แปดร้อยกว่าล้านบาทเลยทีเดียว ท่านพระเดชพระคุณ (ดร)พระโสภณพัฒนคุณ(เจ้าคุณทิน) เจ้าอาวาสวัดพุน้อย ในฐานะเจ้าคณะอำเภอหนองม่วง และ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเศรษฐีเรือทอง ได้กล่าวทิ้งท้ายนานที่สุด ความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป
ใจรัก วงศ์ใหญ่ ข่าว/ สำนักข่าวเดลิซันเดย์ สมชาย เกตุฉาย ภาพ/ ศูนย์ข่าว 5. เหล่าทัพ จังหวัดลพบุรี