นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเพชรบูรณ์ ร่วมกับคณะกรรมการบริหารงานสมาคม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมส่วนหน้า ณ หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อคัดค้านร่างกฎหมายเก็บภาษีบุหรี่สมทบกองทุนบัตรทอง เพราะจะเป็นการซ้ำเติมชาวไร่ยาสูบในสถานการณ์อุตสาหกรรมยาสูบปัจจุบันที่การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ประกาศลดโควต้ารับซื้อใบยาลงร้อยละ 50 ที่ทำให้ชาวไร่ยาสูบได้รับความเดือดร้อนก็มากพออยู่แล้ว
นายสงกรานต์ ระบุว่า ตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ชาวไร่ยาสูบต้องเดือดร้อนจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการ-ขึ้นภาษีบุหรี่โดยกรมสรรพสามิต จะทำให้เราหมดอาชีพ ไม่มีเงินมาใช้หนี้สิน ส่งลูกส่งหลานเรียนหนังสือ ทั้งๆ ที่ผ่านมาพวกเราไม่เคยก่อความเดือดร้อนใดๆ ไม่เคยออกมาเดินประท้วงเพราะยาสูบเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความมั่นคง แต่ขณะนี้ สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว อุตสาหกรรมยาสูบกำลังได้รับผลกระทบหนักจากการที่รัฐบาลจ้องขึ้นเก็บภาษียาสูบเพิ่มขึ้น ทำให้พวกเราชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศโดนลดโควตารับซื้อใบยาจาก ยสท. กันถ้วนหน้ากว่าร้อยละ 50
นายสงกรานต์กล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศเริ่มกลับมามีความหวังเล็กน้อยหลังจากที่ทราบว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาการเลื่อนการขึ้นภาษีร้อยละ 40 ในปี 2562 ออกไปอีก 2 ปี ซึ่งหากเลื่อนให้จริงก็จะช่วยต่อลมหายใจให้เกษตรกรชาวไร่ยาสูบได้ อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลยกร่างกฎหมายให้จัดเก็บเงินสมทบกองทุนบัตรทองจากสินค้าบุหรี่ ซึ่งดูแล้วถ้าร่างกฎหมายนี้ผ่านออกมาก็คงบังคับใช้ปี 2562 ก็จะทำให้บุหรี่ต้องขึ้นราคาแบบเดียวกับหากบังคับใช้ภาษีสรรพสามิตอัตราเดียวที่ร้อยละ 40 ดังนั้นในภาพรวมแล้วตอนนี้สถานการณ์ความอยู่รอดของพี่น้องชาวไร่ยาสูบยังเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“โครงการบัตรทองแม้เป็นสิ่งดี พวกเราและสมาชิกของสมาคมชาวไร่จำนวนมากก็ใช้ประโยชน์ แต่อุตสาหกรรมยาสูบคับขันแล้ว การที่รัฐบาลจะมาเรียกเก็บเงินภาษีเพิ่มเติมในขณะนี้จากบุหรี่ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง ยสท. เองก็กำไรลดลง สต๊อกคงค้างก็เยอะมากจนไม่สามารถซื้อยาสูบจากชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศได้ จังหวัดเพชรบูรณ์โดนลดโควต้ารับซื้อใบยาในฤดูกาล 2561/62 ลงร้อยละ 47 เหลือเพียง 2.508 ล้านกิโลกรัม ” นายสงกรานต์กล่าว
นอกจากนี้ นายสงกรานต์ยังได้เปิดเผยว่า จากการที่ตนและผู้แทนสมาคมฯ ได้เดินทางไปร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นร่างกฎหมายดังกล่าว ที่กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2561 ผู้เข้าร่วมการประชุมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฯ โดยเฉพาะประเด็นที่ให้เก็บเงินสมทบจากสินค้าบุหรี่เพียงสินค้าเดียว แต่ไม่เก็บจากสินค้าประเภทอื่นๆ บ้าง เช่น ยาเส้น สุรา เบียร์ น้ำมัน รถยนต์ น้ำอัดลม ที่ก็ทำลายสุขภาพเหมือนกัน เหตุใดจึงจ้องรีดภาษีจากบุหรี่เท่านั้น หรือเป็นเพราะว่าบุหรี่มันเก็บง่าย ชาวไร่ยาสูบไม่มีปาก ไม่มีเสียง ไม่ใช่นายทุนใหญ่โตที่รวยล้นฟ้าระดับประเทศ และร่างกฎหมายฯ ขาดความโปร่งใส เพราะส่อขัดกฎหมายวินัยการเงินการคลังอีกด้วย
นายสงกรานต์กล่าวทิ้งท้ายว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะกระทบอุตสาหกรรมบุหรี่ทั้งอุตสาหกรรมเพราะจะดันราคาบุหรี่ให้ปรับขึ้นจาก 60 บาท เป็น 90 บาท ต่อซอง แต่ผู้ที่จะเดือดร้อนที่สุดก็คือชาวไร่ยาสูบ เพราะเมื่อเมื่อบุหรี่ถูกกฎหมายราคาแพงมากจนคนซื้อไม่ไหว พวกเราก็ไม่วายต้องถูกตัดโควตา และไม่มีอาชีพทางเลือกอื่นๆ ที่จะมาชดเชยรายได้จากยาสูบได้ จึงกราบวิงวอนให้นายกรัฐมนตรีให้ความเป็นธรรมต่อชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศกว่า 50,000 ครอบครัว พิจารณาสั่งการให้ยับยั้งร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย
มนสิชา คล้ายแก้ว