เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 19 ตุลาคม 2561 ร.ต.อ.มนตรี พูลเขตกิจ รอง.สว.สอบสวน สภ.หนองไผ่ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุไฟไหม้บ้านเรือนในเขตชุมชน เทศบาลตำบลหนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิรัช ครบุรี ผกก.สภ.หนองไผ่ ,เจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยรักษาความสงบที่2 กรมทหารม้าที่3 กองพันทหารม้าที่13 กองพลทหารม้าที่1, ฝ่ายปกครองอำเภอหนองไผ่ ,เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูจุดหนองไผ่ พร้อมทั้งประสานรถดับเพลิงจาก ทต.หนองไผ่ อบต.หนองไผ่ ทต.บัววัฒนา ทต.บ้านโภชน์ ทต.เฉลียงทอง ทต.นาเฉลียง อบต.ท่าแดง รุดไปยังที่เกิดเหตุในเขตชุมชน พบว่าเป็นห้องแถวเก่าแก่ อายุกว่า 40 ปี จำนวน 5 คูหา ลักษณะ 2 ชั้น ด้านล่างเป็นปูน ด้านบนเป็นไม้ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาล3 หมู่11 ต.หนองไผ่ พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ ระหว่างห้องแถวเลขที่ 719 และเลขที่ 720 ก่อนไฟได้ลุกลามไปยังห้องแถวติดกัน เลขที่ 718 เลขที่ 721 และเลขที่ 722 ถูกเพลิงลุกไหม้จนเสียหายทั้งหมด 5 คูหา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ได้ระดมฉีดน้ำสกัด ป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านเรือนข้างเคียง เนื่องจากเป็นแหล่งชุมชน กระทั่งผ่านไปราว 1 ชั่วโมง ก็สามารถควบคุมเพลิงได้สำเร็จ ท่ามกลางความแตกตื่นของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าทั้ง 5 คูหา ถูกไฟลุกไหม้จนชั้นบนเสียหายทั้งหมด โดยเฉพาะระหว่างห้องแถวตรงกลาง เลขที่ 719 และเลขที่ 720 เสียหายหนักสุด และคาดว่าเป็นห้องต้นเพลิง เนื่องจากขณะเกิดเหตุ มีคนเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาระหว่างข้างฝาทั้งสองห้อง ก่อนไฟจะลุกไหม้ และลุกลามอย่างรวดเร็ว
สอบถาม นายบุญสืบ จั่นจอน อายุ 30 ปี เล่าให้ฟังว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุ ตนพร้อมด้วยญาติๆ จำนวน 4 คน ได้มารับเหมาเปลี่ยนหลังคาห้องแถว เลขที่ 719 และเลขที่ 720 ขณะที่ตนกำลังยิงน๊อตยึดโครงเหล็กกับโครงไม้เดิมบนหลังคา ได้สังเกตุเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาระหว่างข้างฝาห้องแถว จึงรีบบอกคนงาน และรีบลงมาจากหลังคา ช่วยกันนำน้ำขึ้นมาสาดใส่ข้างฝา แต่ไฟได้ลุกไหม้อย่างรุนแรง และรวดเร็ว ประกอบกับตัวบ้านด้านบนเป็นไม้เก่า ทำให้เป็นเชื้อไฟอย่างดี ก่อนจะลุกลามไปยังห้องแถวข้างเคียง จนไหม้เสียหายทั้งหมด 5 คูหา ซึ่งในเบื้องต้น ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุ การเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ได้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบูรณ์ มาดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด อีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ระหว่างเกิดเหตุเพลิงไหม้ พบว่า นางแน่งน้อย พุ่มทิม อายุ 67 ปี เจ้าของห้องเลขที่ 719 และเลขที่ 720 พยายามจะเข้าไปในตัวบ้าน เนื่องจากห่วงทรัพย์สิน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ห้ามปรามไหว้ กระทั่งรอจนเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ทหาร ได้พาเจ้าของบ้านเข้าไปยังจุดเก็บทรัพย์สิน ก่อนเจ้าตัวจะรีบหยิบเอากระป๋อง ซึ่งภายในบรรจุธนบัตร ฉบับต่างๆ เช่น แบงค์ 20 – 50 – 100 – 1,000 บาท ใส่ไว้ข้างในจนแน่น มูลค่ากว่าหนึ่งแสนบาท แต่ก็ต้องถึงกับน้ำตาซึม เมื่อพบว่าธนบัตรทั้งหมดถูกไหม้เสียหาย
https://drive.google.com/file/d/11Rixls33QnKXHXpptckFMnSYX1TrhiRp/view?usp=sharing