วันนี้ 30 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ได้ใช้เวลาว่างในวันหยุด เตรียมพร้อมข้อมูลและเอกสารต่างๆเพื่อใช้สำหรับการแถลงเปิดคดีทุจริตรับจำนำข้าวด้วยตัวเองและเตรียมตอบคำถามฝ่ายโจทก์นัดแรกในวันที่ 5 ส.ค.59นี้ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง
เมื่อวันที่ “24 มิ.ย. ศาลฎีกานักการเมืองได้นัดไต่สวนพยานจำเลยนัดแรก 5 ส.ค.นี้ หลังเสร็จพยานโจทก์นัดสุดท้าย ” จิรชัย มูลทองโร่ย ” ปธ.ตรวจสอบความรับผิดโครงการจำนำข้าว ย้ำตรวจสอบเอกสาร-บุคคลครบถ้วน ส่วนตัวเลขความเสียหายระบุ 2.8 แสนล้านรอคลังชี้ขาด ขณะที่มวลชน ร้องแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ย้อนหลัง อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เจ้าตัวบอกพร้อมขึ้นไต่สวน ไม่หวั่นอัยการซักค้านที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 24 มิ.ย.59 เวลา 09.30 น. นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ไต่สวนพยานโจทก์นัดสุดท้าย คดีโครงการรับจำนำข้าว หมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
โดยอัยการนำ นายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการจำนำข้าว ซึ่งเคยไต่สวนไปแล้วเมื่อวันที่ 13 พ.ค.แต่ยังไม่เสร็จสิ้น มาเบิกความต่อในวันนี้ซึ่งทนายความจำเลย ได้ซักค้านนายจิรชัย ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการจำนำข้าว ในประเด็นการตรวจสอบโครงการจำนำข้าว สรุปว่า พยานได้รับการแต่งตั้งให้ตรวจสอบทั้งโครงการจำนำข้าวและระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งโครงการจำนำข้าวคณะกรรมการฯ ได้ไต่และพิจารณาจากพยานเอกสารจากรายงาน สตง. , ป.ป.ช. รวมทั้งพยานบุคคลจากนักการเมือง หน่วยงานรัฐ และฝ่ายจำเลย ประกอบกับสาระสำคัญที่จำเลย มีบทบาทเป็นประธาน กขช.จึงพบว่า จำเลยมีหน้าที่โดยตรงที่จะใช้ดุลพินิจกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายแต่กลับปล่อยให้มีการทุจริตและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งจนทำให้เกิดความเสียหาย
ซึ่งมีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในการกระทำด้วย โดยจำเลยสามารถอ้างให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมชดใช้ค่าเสียหายได้แต่จำเลยก็ไม่ยอมมาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการฯซึ่งสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก ก็พบว่ามีการทุจริตทุกขั้นตอนของโครงการจำนำข้าว ขณะที่ยอมรับว่าไม่มีความรู้ทางบัญชีจึงไม่สามารถตอบได้ว่าตัวเลขที่คณะอนุกรรมการฯ ปิดบัญชีสรุป จึงไม่ตรงกัน 2 ครั้ง แต่เชื่อว่าข้อมูลคณะอนุกรรมการฯ ปิดบัญชีได้ผ่านการตรวจสอบจากภาครัฐแล้วจึงเชื่อถือได้แล้วนำมาประกอบการพิจารณาส่วนที่จำเลยอ้างว่าได้เข้มงวดหลังได้รับหนังสือทักท้วงทั้ง 2โครงการจากหน่วยงานรัฐนั้น พยานไม่ได้นำมาพิจารณาเนื่องจากจำเลยไม่ได้ดำเนินการชัดเจน เป็นเพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น โดยระหว่างการตรวจสอบพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เพื่อหารือข้อกฎหมาย รวมทั้งขอความเห็นที่จำเลยอ้างขอให้ไต่สวนพยานเพิ่ม
ซึ่งนายวิษณุ บอกว่าต้องให้โอกาสกับจำเลยเพราะยังมีเวลาเหลืออยู่ภายหลังนายจิรชัย พยานโจทก์ แถลงต่อศาลว่า พยานทำงานด้วยซื่อสัตย์สุจริต มีอิสระไม่ถูกกดดัน ไม่ได้ทำเฉพาะตนเอง แต่ทำในนามคณะกรรมการที่มีผู้คนมีความรู้ ความเชี่ยวชาญหลายมิติ ทั้งเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง การปกครอง กฎฤษฎีกา กระทรวงเกษตรฯ และพาณิชย์ พยานให้ความเป็นธรรมกับจำเลย ซึ่งมูลค่าความเสียหายเมื่อหักจากเงินประชาชนที่ได้ประโยชน์และตัดดอกเบี้ยในโครงการออกแล้ว ความเสียหายอยู่ที่ 286,000 ล้านบาทเศษ
โดยผลการตรวจสอบนี้ยังต้องมีคณะอนุกรรมการฯ ของกระทรวงคลัง ตรวจสอบและสรุปตัวเลขชัดเจนอีกครั้งทั้งนี้เมื่อไต่สวนพยานโจทก์ปากสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว ศาลได้ชี้แจงคู่ความ ทราบว่า ได้สั่งให้เลขาธิการศาลฎีกาฯ และ เลขานุการขององค์คณะ ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งในกรณีทนายความจำเลย ยื่นคำร้องว่าหลังจากที่ศาลยุติธรรมได้แถลงข่าวห้ามคู่ความและบุคคลเสนอข่าวชี้นำ หรือบิดเบือนให้หลงผิดต่อกระบวนการยุติธรรมแล้วปรากฏว่ามีการเผยแพร่หนังสั้น เรื่อง ” ต้นกล้า ” โดย ป.ป.ช.และกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ที่มีเนื้อหาฝ่าฝืนคำสั่งศาลจึงขอให้ศาลเรียกหน่วยงานดังกล่าวมาดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหนดของศาล หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควรส่วนการไต่สวนนั้น ศาลกำหนดนัดไต่สวนพยานจำเลยนัดแรก ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ เวลา 09.30 น.