ศาลฎีกายกฟ้อง“หรั่ง สุรชัย”อดีตแนวร่วม นปช.คดีค้าอาวุธสงคราม ระหว่างชุมนุม นปช. ปี 53 ศาลยกประโยชน์ความสงสัย หลักฐานอัยการ-ดีเอสไอ ไม่ชัด“เจ้าตัว”ขอบคุณศาลเมตตา
11 ส.ค. — ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1223/2555 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์ อดีตแนวร่วมนปช.และคนสนิทพล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดง สวัสดิผล เป็นจำเลย ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 และพ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530
ตามฟ้องอัยการโจทก์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.53 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกได้มีและขายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด หรือลูกระเบิด ซึ่งเป็นอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนอนุญาตให้ไม่ได้และเป็นยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 8 ต.ค.56 ให้ยกฟ้อง โดยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย จากพยานหลักฐานโจทก์ที่ยังมีข้อพิรุธสงสัย ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยด้วย ซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ มีพยานล่อซื้อ แม้จำนวนเงินล่อซื้อไม่ตรงกัน และไม่ได้ถ่ายเอกสารเลขธนบัตรก่อนทำการล่อซื้อเพื่อเป็นหลักฐาน รวมทั้งไม่มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าร่วมวางแผนนั้น ก็ไม่ถึงกับเป็นพิรุธ ซึ่งได้ความจากพยานโจทก์ว่า กรณีนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นการหวังผลในการล่อซื้อขยายผลไปถึงรายใหญ่ จึงพิพากษากลับให้จำคุก นายสุรชัย จำเลย รวม 26 ปี 8 เดือน
ขณะที่นายสุรชัย จำเลย ได้ประกันตัวไประหว่างการพิจารณาในชั้นฎีกา โดยใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน ราคาประกัน 2 ล้านบาท ซึ่งวันนี้ นายสุรชัย จำเลย เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมมีครอบครัวมาให้กำลังใจ
ซึ่งศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า พยานโจทก์ ซึ่งเป็นผู้ล่อซื้อ เเม้จะได้การประสานจากเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพเรือ เเต่ในการล่อซื้อก็ไม่ได้มีดีเอสไอ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบคดีโดยตรงในการล่อซื้อด้วย
พยานดังกล่าว เเม้เป็นพยานปากเอก เเต่ถือเป็นพยานเดี่ยว เเละไม่ได้เป็นสายข่าวของดีเอสไอตั้งเเต่เเรก อีกทั้งการทำบันทึกของกลาง ดีเอสไอได้ทำหลังจากล่อซื้อไปเเล้วกว่า 2 เดือนเเม้จะอ้างว่า ที่ยังไม่จับกุมในตอนล่อซื้อเพื่อจะสาวไปถึงขบวนการที่ใหญ่ขึ้น เเต่ข้ออ้างก็ไม่เป็นเหตุในการทำบันทึกของกลางย้อนหลังไปกว่า 2 เดือน ขณะที่ระหว่างนั้นก็ไม่มีการขอออกหมายจับจำเลย ทั้งที่ในคดีอื่นที่เกิดเหตุในช่วงเดียวกันกลับมีการออกหมายจับจำเลยคนอื่นไปเเล้ว รวมถึงการทำบัญชีของกลางที่ผ่านมากว่า 2 เดือนของดีเอสไอก็ไม่ได้พบบันทึกการโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องในการล่อซื้ออาวุธ เเละเมื่อไม่มีพยานหลักฐานโจทก์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุมาเบิกความ พยานหลักฐานโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์กระทำความผิด จึงยกประโยชน์เเห่งความสงสัยให้จำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสุรชัยหรือหรั่ง แนวร่วม นปช. ได้กล่าวขอบคุณศาลที่เมตตาพิพากษายกฟ้อง พร้อมกล่าวว่า ตอนนี้เลิกชุมนุมกับกลุ่มการเมือง เเละไม่ได้ติดต่อกับพรรคพวกเก่าเเล้ว ขณะนี้ก็ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป