ผู้เชี่ยวชาญปัญหาชายแดนภาคใต้เห็นพ้อง เหตุวางระเบิดเป็นฝีมือกลุ่มเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดน เพื่อส่งสัญญาณให้รัฐบาลทหารผลักดันกระบวนการเจรจาสันติภาพ
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย หรือ FCCT จัดงานเสวนาวิเคราะห์เหตุระเบิดล่าสุดในไทย
โดยในงานนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์อนุสรณ์ อุณโณ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้ความเห็นต่อกรณีเหตุระเบิด ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้ที่ไม่เห็นชอบกับผลโหวตการประชามติ เนื่องจากกลุ่มที่ต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ เช่นผู้สนับสนุนเสื้อแดง ที่ถึงแม้จะมีการก่อความไม่สงบอยู่ประปราย ก็ไม่ได้สมาทานแนวทางรุนแรงแต่อย่างใด ในขณะเดียวกัน กลุ่มรณรงค์เคลื่อนไหวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ เช่นกลุ่มการศึกษาและชาวมุสลิมซึ่งไม่เห็นด้วยกับมาตรา 54 ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และมาตรา 67 ที่ระบุว่ารัฐธรรมนูญจะส่งเสริมพุทธศาสนาเถรวาท โดยไม่ระบุว่ามีการสนับสนุนศาสนาอื่นในลักษณะที่เท่ากัน แม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้สมาทานแนวทางรุนแรงเช่นกัน
ในทางกลับกัน พยานหลักฐานและกลุ่มผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เหตุวางระเบิดจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เคลื่อนไหวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะกลุ่ม BRN หรือขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ ที่นิยมความรุนแรง ที่ต้องการจะส่งสัญญาณให้ทางรัฐบาลทหารว่าไม่พึงพอใจกับความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยอาจารย์อนุสรณ์อธิบายว่า รัฐบาลออกมาฟันธงแต่แรกว่าไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แน่นอน เพราะเกรงว่าจะเป็นการชี้ให้เห็นศักยภาพของกลุ่มดังกล่าวที่สามารถขยายขอบเขตการปฏิบัติการออกมาได้กว้างกว่าเดิม อีกทั้งยังทำให้เห็นว่าหน่วยงานรัฐอยู่ในฐานะที่เป็นรอง และไม่สามารถจะคลี่คลายปัญหาหรือสามารถตอบคำถามเรื่องความมั่นคงของสังคมได้
ทั้งนี้ การชี้แจงว่าผู้อยู่เบื้องหลังเหตุวางระเบิดคือกลุ่ม BRN ก็ได้รับเสียงเห็นด้วยจากคุณรุ่งระวี เฉลิมศรีภิญโญรัช นักวิจัยอิสระผู้เชี่ยวชาญด้านความขัดแย้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยคุณรุ่งระวีได้ให้เหตุผลสามประการสำรับข้อวินิจฉัยนี้
หนึ่งคือ กลุ่ม BRN มีศักยภาพทางการรบมากพอที่จะทำได้ อีกทั้งยังเคยปฏิบัติการนอกพื้นที่สามชายแดนภาคได้มาแล้วอีกด้วย สองคือ จุดที่ถูกวางระเบิดนั้นมีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ของกลุ่มดังกล่าว โดยเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ อาทิแหล่งท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนที่กลุ่ม BRN มีความเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่เป็นแหล่งอบายมุข อีกทั้งการวางระเบิดใกล้สถานที่เช่นป้อมตำรวจ ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสั่นคลอนของการรักษาความปลอดภัย เหตุผลสุดท้าย คือวัตถุระเบิดที่ใช้ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มเคลื่อนไหวทางภาคใต้มาเป็นเวลากว่า 12 ปี
หากสมมุติฐานที่ว่ากลุ่ม BRN อยู่เบื้องหลังเหตุวางระเบิดที่มีความสืบเนื่องมาจากผลประชามตินั้นเป็นความจริง ก็มีความเป็นไปได้ที่การกระทำดังกล่าวคือการส่งสัญญาณให้รัฐบาลทหารให้ความจริงจังกับการเจรจากระบวนการสันติภาพ โดยมีเหตุสืบเนื่องมาจากที่ก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาลไม่ยอมรับข้อเสนอของกลุ่ม ‘มารา ปาตานี’ องค์กรตัวแทนของกลุ่มเคลื่อนไหวปลดปล่อยรัฐปาตานี ที่ต้องการให้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นวาระแห่งชาติ ยอมรับทีมงานพูดคุย 6 กลุ่ม และยอมรับกลุ่มมารา ปาตานี โดยทางรัฐเรียกกลุ่มดังกล่าวว่าเป็นเพียง “ผู้เห็นต่างจากรัฐ” และไม่รับประกันความปลอดภัยของกลุ่มภายในประเทศไทย
ทางด้านนายแอนโทนี เดวิส นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยของกลุ่ม ‘ไอเอชเอส เจนส์’ วารสารด้านอาวุธ การทหาร และความมั่นคง ก็มีความเห็นพ้องว่าผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจเป็นกลุ่ม BRN ซึ่งออกมาแสดงให้ภาครัฐเห็นถึงความไม่พอใจกับการที่ข้อตกลงในระบวนการสันติภาพที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย และยืดเยื้อมายาวนานถึง 13 ปี อีกทั้งยังระบุว่าเป้าหมายในการโจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็คือเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยชี้แจงว่านี่อาจเป็นการที่กลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าวต้องการให้ทางภาครัฐเห็นว่า พวกเขามีอำนาจก่อเหตุที่จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของเศรษฐกิจประเทศไทย
นอกจากนี้ คุณเดวิสยังชี้แจงว่าหากภาครัฐยอมรับในเบื้องหลังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นฝีมือของกลุ่ม BRN จริงโดยไม่หาสาเหตุอื่นมาบังหน้า ก็อาจทำให้สถานการณ์สงบลง หากไม่เช่นนั้นแล้วก็เกรงว่ามีโอกาสที่กลุ่มดังกล่าวจะก่อเหตุความไม่สงบขึ้นได้อีก