(27ส.ค.63) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงกรณีที่ อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี ตั้งคำถามกับตนว่าถ้ามีคนทำลายศูนย์กลางความมั่นคงของชาติได้สำเร็จจริงจะไม่มีรัฐสภาให้นักการเมืองได้ทำหน้าที่ เราคนไทยคงต้องหนีตายนั้น
คุณอุ๊ หฤทัย เป็นอดีตสมาชิกสภาเขตพระโขนงพรรคประชาธิปัตย์ถึง 2 สมัยย่อมเข้าใจในอุดมการณ์จงรักภักดีต่อสถาบันของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างดี
การที่ตนไม่เห็นด้วยกับการปลุกม็อบชนม็อบของนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดีเพราะเห็นว่ายิ่งจะทำให้สถานการณ์วิกฤติแผ่นดินร้อนระอุเป็นไฟยิ่งขึ้นไปอีก การแสดงความรักสถาบันไม่จำเป็นต้องปลุกม็อบชนม็อบเสมอไป
เพราะในอดีตมีบทเรียนที่ชัดเจนแล้วคือกรณี 6 ตุลาคม 2519 ปลุกม็อบชนม็อบ จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมของชาติแล้วจบลงด้วยการรัฐประหารโดยพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ หรือกรณีม็อบกปปส.ก็จบลงด้วยการรัฐประหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงแต่แตกต่างกันตรงที่พลเรือเอกสงัดชลออยู่ไม่ได้ยึดอำนาจเพื่อตัวเอง และเคยเตือนคนที่ยึดอำนาจไว้ว่าถ้าผู้ใดผูกขาดอำนาจอาจไม่มีแผ่นดินอยู่ ไม่รู้ว่าพลเอกประยุทธ์และคณะ3ลุงยังจำได้หรือไม่
ส่วนข้อวิตกกังวลที่ว่าเราคนไทยต้องมาหนีตายนั้น
จะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อกองทัพทุกเหล่าทัพมีหน้าที่ความรับผิดชอบทั้งสิ้น ถ้าถึงขั้นที่คนไทยหนีตายแสดงว่าเกิดสภาพไร้รัฐหรืออนาธิปไตย รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไร้อำนาจบังคับบัญชาข้าราชการแล้วก็ต้องมีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศแต่จะมาในรูปแบบใดเท่านั้น การที่คนไทยต้องหนีตายนั้นจึงเป็นไปไม่ได้อย่าไปวิตกเกินกว่าเหตุ ประเด็นสำคัญที่คุณอุ๊ หฤทัยถามว่าถ้ามีคนทำลายศูนย์กลางความมั่นคงของชาติได้สำเร็จจริงจะไม่มีรัฐสภาให้นักการเมืองได้ทำหน้าที่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันชี้แจงทำความเข้าใจอย่างกัลยาณมิตร ไม่ใช่สร้างวาทกรรมว่าเป็นพวกชังชาติหรือศัตรูของแผ่นดิน
นายวัชระ ยังกล่าวถึงนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรมว่า รู้จักกันมาเกือบ20ปี เคยประกาศว่าจะไม่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ เมื่อไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคดั่งใจก็ลาออกจากพรรค
ส่วนคุณความดีเรื่องโครงการจำนำข้าว สมาชิกพรรคทำงานเป็นทีมป้อนข้อมูลให้นพ.วรงค์ ซึ่งย้ายพรรคมาจากพรรคไทยรักไทย เคยเดินตามหลังคุณนายแดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์มาก่อน พรรคให้รับบทเป็นขุนพลทะลวงไส้พรรคเพื่อไทยเรื่องจำนำข้าวก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว และขอชมเชยว่านพ.วรงค์ทำได้ดีมากควรได้โล่ห์จากพรรคประชาธิปัตย์ด้วยซ้ำ ทั้งนี้ กลุ่มไทยภักดีจะหาเสียงเพื่อก่อตั้งเป็นพรรคการเมืองในอนาคตหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ แต่ไม่ควรใช้สถาบันมาเป็นเครื่องมือในการสร้างฐานทางการเมือง เพราะเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงต่อการเร่งสถานการณ์ในเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนอกระบบเป็นอย่างมาก แล้วประเทศชาติและสถาบันจะได้อะไร?