กระทรวงสิ่งแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่น ได้รายงานผลสำรวจแนวประการังเซกิเซย์โชโกะ ที่เป็นแนวปะการังทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น (Sekiseishōko, 石西礁湖) ว่าพบอัตราการตายของปะการังสูงถึงร้อยละ 70 ทั้งนี้อาจมีสาเหตุมาจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น โดยแนวปะการังเซกิเซย์โชโกะ ตั้งอยู่ระหว่างเกาะอิชิงะกิและเกาะอิริโอะโมะเตะในจังหวัดโอะกินะวะ มีพื้นที่ประมาณ 300 ตารางกิโลเมตรและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปะการังกว่า 400 ชนิด
กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2016 ทางกระทรวงได้ทำการสำรวจรอบแนวปะการังเซกิเซย์โชโกะทั้งหมด 35 จุด พบปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวกว่าร้อยละ 90 และมีประมาณร้อยละ70 เป็นปะการังที่ตายแล้ว ซึ่งอัตราการตายของปะการังสูงขึ้นจนน่าตกใจเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน-ตุลาคมที่มีอัตราการตายที่ร้อยละ 56.7 ส่วนในช่วงฤดูร้อนปี 2559 ที่ผ่านมา อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในน่านน้ำทางตอนใต้ของโอะกินะวะเฉลี่ยวัดได้สูงกว่า 30 องศาเซลเซียส นับเป็นอุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่ที่เคยมีบันทึกมา
ทั้งนี้แนวปะการังเซกิเซย์โชโกะถูกเรียกว่าเป็น “ป่าดงดิบใต้ท้องทะเล” เพราะมีชนิดพันธุ์ปลาทะเลกว่าหนึ่งในสี่ของพันธุ์ปลาทะเลทั่วโลกอาศัยอยู่ตามแนวปะการังแห่งนี้ โดยข้อมูลการวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบันเชื่อว่า การที่อุณหภูมิของน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นเป็นสาเหตุสำคัญของการตายของปะการังจำนวนมาก
โดยปกติแล้ว สีของปะการังจะขึ้นอยู่กับชนิดของสาหร่ายเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ตามเนื้อเยื่อของปะการัง ทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบพึ่งพากัน เมื่ออุณหภูมิของน้ำทะเลสูงตั้งแต่ 30 องศาเซลเซียสขึ้นไป จนทำให้เกิดการกระตุ้นการฟอกขาวของปะการัง โดยปะการังจะขับไล่สาหร่ายเซลล์เดียวเหล่านี้ไปจากตัวมันเอง ทำให้ปะการังอ่อนแอเพราะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอและตายไปในที่สุด